Home ข้อมูลความรู้ บทความ ขี่จักรยานให้บ่อยขึ้นเพื่อทำให้โลกเย็นลง

ด้านอื่นๆ ที่มีอิทธิพลต่อระดับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของวิธีการขนส่งต่างๆ
นอกเหนือจากขั้นตอนต่างๆ ในวงจรชีวิต (การผลิต การดูแลบำรุงรักษา และการใช้งาน) แล้ว ยังมีด้านอื่นๆ ที่มีอิทธิพลต่อระดับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของวิธีขนส่งต่างๆ รวมถึงการก่อสร้าง การใช้งาน และการดูแลบำรุงรักษาถนนโครงสร้างพื้นฐาน เช่นเดียวกับอุบัติเหตุทางถนน และอื่นๆ อีกมาก บางด้านอาจมีผลกระทบอย่างสำคัญต่อการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของวิธีการขนส่งต่างๆ เช่น มีการคำนวณกันว่า หากนำจุดที่จอดรถมาคิดด้วย จะเพิ่มการปล่อยคาร์บอนต่อไมล์โดยเฉลี่ยของรถยนต์ได้มากถึงร้อยละ 10
อย่างไรก็ตาม การประเมินความสำคัญของด้านต่างๆ เหล่านี้อยู่นอกเหนือขอบข่ายของรายงานฉบับนี้

การใช้จักรยานลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากเพียงใดในระดับที่เป็นอยู่ในขณะนี้

สัดส่วนการใช้จักรยานในวิธีการเดินทางทั้งหมด

ยากที่จะคำนวณระยะทางที่มีการขี่จักรยานในรอบปีทุกๆปีในสหภาพยุโรป ครั้งสุดท้ายที่ตัวเลขนี้ปรากฏออกมาคือในเอกสารปี 2546 ของสถิติยุโรป (Eurostat) ที่ชื่อ “พลังงานและการขนส่งสหภาพยุโรปเป็นตัวเลข” (European Union Energy and Transport in Figures) ซึ่งเป็นตัวเลขจากปี 2543 ในรัฐสมาชิกสหภาพยุโรป 15 ประเทศ ระยะทางที่มีการใช้จักรยานเป็นวิธีเดินทางอยู่ที่ 71,000 ล้านกิโลเมตร ซึ่งหมายความว่ามีค่าเฉลี่ยระยะทางการใช้จักรยานอยู่ที่ 188 กิโลเมตรต่อคนต่อปี
คิดในเชิงอนุรักษ์ โดยตั้งสมมติฐานว่าสัดส่วนการใช้จักรยานในวิธีการเดินทางขนส่งทั้งหมดไม่ได้เพิ่มขึ้นเลยตั้งแต่ปี 2543 จะประเมินได้ว่า ประชากรของสหภาพยุโรป 27 ประเทศในปี 2554 ใช้จักรยานเดินทางเป็นระยะทาง 94,000 ล้านกิโลเมตรต่อปี

สัดส่วนการใช้จักรยานที่แปลออกมาเป็นการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์

สมมติว่า การเดินทางด้วยจักรยานทั้งหมด ถ้าไม่ทำด้วยจักรยานก็จะเป็นการใช้รถยนต์ การเดินทางด้วยจักรยานเหล่านี้จะลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 24 ล้านตัน อย่างไรก็ตาม ในทางปฏิบัติไม่เป็นเช่นนั้น ดังนั้นหากใช้สัดส่วนว่า การเดินทางทำด้วยรถโดยสารประจำทางร้อยละ 42, รถยนต์ร้อยละ 32 และการเดินร้อยละ 26 การปรับเปลี่ยนวิธีการเดินทางจากการทำด้วยวิธีอื่นๆ มาเป็นการใช้จักรยานจะลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 11 ล้านตัน

ตัวเลขนี้มีความหมายว่าอะไรในความเป็นจริง มีการลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้อย่างสลักสำคัญหรือไม่ ภายใต้พิธีสารเกียวโต สหภาพยุโรปที่มีสมาชิก 15 ประเทศตกลงที่จะทำให้การปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยรวมลดลงโดยเฉลี่ยแล้วร้อยละ 8 หรือเป็นการลดโดยรวม 341 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์ จากการที่สหภาพยุโรป 15 ประเทศมีระดับการใช้จักรยานอยู่ที่ 71,000 ล้านกิโลเมตรในปี 2543 การใช้จักรยานมีส่วนช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ร้อยละ 3 ถึงร้อยละ 6 ของที่สหภาพยุโรป 15 ประเทศตกลงรับปากว่าจะลดตามพิธีสารเกียวโต

การใช้จักรยานจะลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากเพียงใด หากสัดส่วนการใช้จักรยานในวิธีการเดินทางทั้งหมดเพิ่มขึ้น

เพิ่มระดับการใช้จักรยานเป็นสามเท่า

ถ้าระดับการใช้จักรยานเพิ่มเป็นสามเท่า ก็จะลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้สามเท่าเช่นกัน มีผลให้การลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ของจักรยานเป็น 33-72 ล้านตัน การเพิ่มการใช้จักรยานจะไม่เพิ่มค่าเฉลี่ยระยะทางของการเดินทางด้วยจักรยาน จากที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ระดับการใช้จักรยานทั่วยุโรปยังต่ำแม้แต่สำหรับการเดินทางระยะสั้น

เป้าหมายในปี 2563 และ 2593

ถ้าชาวยุโรปใช้จักรยานโดยเฉลี่ยแล้วมากพอๆ กับชาวเดนมาร์กล่ะ?
ในเดือนธันวาคม 2551 รัฐสมาชิกของสหภาพยุโรปตกลงรับเป้าหมายชุดหนึ่งเป็นส่วนหนึ่งของรายการมาตรการรูปธรรมในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งรวมถึงความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะตัดลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วสหภาพยุโรปลงร้อยละ 20 ในปี 2563 เมื่อเทียบกับระดับการปล่อยในปี 2533 ในภาคส่วนที่ระบบการค้าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของสหภาพยุโรป (European Union Emissions Trading System – EU ETS) เช่น การขนส่ง การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจะต้องลดลงรวมๆ ให้ต่ำกว่าระดับในปี 2548 ร้อยละ 10 ในปี 2563

ในปี 2563 ถ้าสัดส่วนการใช้จักรยานในวิธีการเดินทางทั้งหมดของสหภาพยุโรปขึ้นไปอยู่ในระดับเดียวกับในเดนมาร์กในปี 2543 ก็จะหมายความว่ามีการใช้จักรยานเดินทางเป็นระยะทาง 481,000 กิโลเมตรต่อปี และลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้ระหว่าง 55 ถึง 120 ล้านตัน ซึ่งจะเท่ากับร้อยละ 5-11 ของเป้าหมายทั้งหมดของการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของสหภาพยุโรป (ร้อยละ 20 ในปี 2563 เมื่อเทียบกับระดับในปี 2533) และจะคิดออกมาได้เป็นร้อยละ 57-125 ของเป้าหมายด้านการขนส่ง (ร้อยละ 10 ในปี 2563 เมื่อเทียบกับระดับในปี 2548)

ถ้าสัดส่วนการใช้จักรยานในวิธีการเดินทางทั้งหมดของสหภาพยุโรปเพิ่มขึ้นไปอยู่ในระดับเดียวกับเดนมาร์กในปี 2593 จะมีการขี่จักรยาน 490,000 ล้านกิโลเมตรต่อปี หรือลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ไปได้ระหว่าง 63 ถึง 142 ล้านตันต่อปี เท่ากับร้อยละ 12 ถึง 26 ของเป้าหมายการลดที่ตั้งไว้สำหรับภาคขนส่ง

การเสริมความมั่นคงทางพลังงานของสหภาพยุโรป

เมื่อพิจารณาว่าน้ำมันดิบหนึ่งบาร์เรล โดยเฉลี่ยให้เชื้อเพลิงที่เป็นของเหลวทั้งหมด 100.73 กิโลกรัม และเชื้อเพลิงที่มีคาร์บอนเป็นฐานเมื่อถูกเผาจะปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 3.5 เท่าของน้ำหนักของมัน น้ำมันดิบหนึ่งบาร์เรลโดยเฉลี่ยจะผลิตคาร์บอนไดออกไซด์ 317 กิโลกรัม

น้ำมันดิบ 85 ล้านบาร์เรลจะผลิตคาร์บอนไดออกไซด์ 27 ล้านตัน เมื่อคิดราคาน้ำมันดิบบาร์เรลละ 100 ดอลลาร์สหรัฐ ทั้งหมดจะมีมูลค่า 8,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 6,400 ล้านยูโรต่อปี

เมื่อสหภาพยุโรปนำเข้าน้ำมันดิบ 955 ล้านบาร์เรลต่อปี พลเมืองสหภาพยุโรปที่ใช้จักรยานในระดับเดียวกับเดนมาร์กจะลดการนำเข้าน้ำมันของสหภาพยุโรปได้ร้อยละ 9

38. Parking infrastructure: energy, emissions, and automobile environmental accounting’, Environ. Res. Lett. 5 (July-September 2010)
39. ใครก็สามารถสงสัยได้ว่าสัดส่วนการใช้จักรยานในสหภาพยุโรปที่มีสมาชิก 12 ประเทศจะไม่ต่ำกว่าสหภาพยุโรปที่มีสมาชิก 15 ประเทศหรือ? ตาม 2010 Euro-barometer การใช้จักรยานเป็นวิธีหลักในการขนส่งของพลเมืองร้อยละ 7 ของประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป 15 ประเทศ และร้อยละ 8 ของพลเมืองของประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป 12 ประเทศ
40. สมมติฐานนี้ตั้งอยู่บนวิธีการเดินทางที่ถูกแทนที่ด้วยโครงการแบ่งปันกันใช้จักรยาน (ร้อยละ 40 สำหรับขนส่งสาธารณะ, ร้อยละ 30 สำหรับรถยนต์ และร้อยละ 25 สำหรับการเดิน ร้อยละ 5 ของการเดินทางด้วยจักรยานแบ่งปันกันใช้ส่วนที่เหลือที่ใช้แทนการเดินทางด้วยจักรยานส่วนตัวถูกกระจายออกไปเป็นสัดเป็นส่วน)
41. การปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ของสหภาพยุโรป 15 ประเทศในปี 2533 คือ 4.265 ล้านตัน
42. ไม่มีข้อมูลที่คล้องจองกลมกลืนที่เป็นปัจจุบันเชื่อถือได้สำหรับสัดส่วนการใช้จักรยานเป็นวิธีเดินทางขนส่ง ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าสัดส่วนการใช้จักรยานในวิธีเดินทางทั้งหมดพัฒนาไปอย่างไรบ้างนับแต่นั้น
43. 36 ล้านตันเป็นการสมมติว่ามีการใช้จักรยานเดินทางแทนวิธีการเดินทางอื่นหลายวิธีผสมกันไป และ 81 ล้านตันเป็นการสมมติว่าการเดินทางด้วยจักรยานทั้งหมดไปแทนที่การเดินทางด้วยรถยนต์
44. “ร้อยละ 30 ของการเดินทางโดยใช้เครื่องยนต์สั้นกว่า 2 กิโลเมตร และร้อยละ 50 ของการเดินทางโดยใช้เครื่องยนต์สั้นกว่า 5 กิโลเมตร”: นโยบายแห่งชาติในการส่งเสริมการใช้จักรยาน การประชุมภาคพื้นยุโรปของรัฐมนตรีขนส่ง 2547 ในเนเธอร์แลนด์ ระยะและความถี่ของการเดินทางเป็นดังนี้ ร้อยละ 43 ของการเดินทางสั้นกว่า 2.5 กิโลเมตร ร้อยละ 59 ของการเดินทางสั้นกว่า 5 กิโลเมตร ร้อยละ 70 ของการเดินทางสั้นกว่า 7.5 กิโลเมตร
45. ในเดนมาร์ก ระยะทางขี่จักรยานโดยเฉลี่ยคือ 936 กิโลเมตรต่อปีต่อคนในปี 2543 (Eurostat 2003).
46. ในปี 2563 ประชากรในสหภาพยุโรป 27 ประเทศคาดว่าจะมี 514 ล้านคน
47. ในปี 2533 การปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ของ 27 ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปคือ 5589 ล้านตัน (Eurostat)
48. ในปี 2548 การปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ในภาคขนส่งของ 27 ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปคือ 963 ล้านตัน (Eurostat)
49. คาดว่า ประชากรของ 27 ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปจะเท่ากับ 524 ล้านคนในปี 2593 (Eurostat)
50. ในปี 2533 การปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคขนส่งของ 27 ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปคือ 771 ล้านตัน (Eurostat); ดังนั้นการลดร้อยละ 60 (ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยระหว่างร้อยละ 54-67 ของเป้าหมายในภาคส่วนของการขนส่งที่คณะกรรมาธิการยุโรปตั้งไว้) จึงเท่ากับ 463 ล้านตัน
51. สมมติว่าเป็น 159 ลิตร
52. หนึ่งบาร์เรลของน้ำมันดิบโดยเฉลี่ยให้ผลิตภัณฑ์ดังนี้ น้ำมันเบนซิน ร้อยละ 44.1 (70.12 ลิตร หรือด้วยแรงโน้มถ่วง 0.74 คิดเป็นน้ำหนัก 51.89 กิโลกรัม); น้ำมันเชื้อเพลิงกลั่น ร้อยละ 20.8 (33.07 ลิตร หรือด้วยแรงโน้มถ่วง 0.88 คิดเป็นน้ำหนัก 29.10 กิโลกรัม); เชื้อเพลิงสำหรับเครื่องยนต์เจ็ท ประเภทน้ำมันก๊าด ร้อยละ 9.3% (14.79 ลิตร หรือด้วยแรงโน้มถ่วง 0.82 คิดเป็นน้ำหนัก 12.13 กิโลกรัม); น้ำมันเชื้อเพลิงส่วนที่เหลือ ร้อยละ 5.2 (8.27 ลิตร หรือด้วยแรงโน้มถ่วง 0.92 คิดเป็นน้ำหนัก 7.61 กิโลกรัม) เป็นน้ำหนักรวม 100.73 กิโลกรัม (ค่าเป็นร้อยละนี้นำมาจาก Riegel’s Handbook of Industrial Chemistry, 2003).
53. การคำนวณผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อมของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของกิจการการบิน (Calculating the Environmental Impact of Aviation Emissions) การศึกษาของมหาวิทยาลัยออกฟอร์ด นี่เป็นผลจากการที่แต่ละอะตอมของคาร์บอนทำปฏิกิริยากับสองอะตอมของออกซิเจนเกิดเป็นคาร์บอนไดออกไซด์
54. ใช้อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐ = 0.75 ยูโร

** (บทความยาว ติดตามอ่านเป็นตอนๆได้ที่นี่)

*** เนื้อหาภาคภาษาอังฤษ ดัง link นี้ https://ecf.com/sites/ecf.com/files/ECF_CO2_WEB.pdf

(แปลและเรียบเรียง : กวิน ชุติมา กรรมการสถาบันการเดินและการจักรยานไทย)

 

Print Friendly, PDF & Email