Home ข้อมูลความรู้ บทความ คำแนะนำสำหรับการขี่จักรยานกลางฝน

เพื่อนชาวฟิลิปปินส์ของผู้เขียนขี่จักรยานกลางฝนที่ชานกรุงมะนิลา (ฟิลิปปินส์ขับขี่ทางขวาของถนนตรงข้ามกับไทย)

ฤดูฝนมาถึงอีกแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อสอบถามเรื่องการใช้จักรยานในชีวิตประจำวัน หลายคนบอกว่าฝนเป็นอุปสรรคอย่างหนึ่งที่ทำให้เลือกที่จะไม่ใช้จักรยาน แต่อย่างที่ผู้เขียนเคยกล่าวไปแล้วหลายครั้ง หากเรารู้วิธีก็สามารถขี่จักรยานกลางฝนได้อย่างปลอดภัยและไม่ลำบากนัก เช่นเดียวกับการขี่จักรยานฝ่าแดด หรือขี่จักรยานในขณะที่หิมะตกในประเทศที่มีสภาพภูมิอากาศเช่นนั้น เมื่อวานนี้ (6 กรกฎาคม 2560) ผู้เขียนก็เพิ่งขี่จักรยานจากสำนักงานสถาบันการเดินและการจักรยานไทย / ชมรมจักรยานเพื่อสุขภาพแห่งประเทศไทย ที่ย่านสะพานควาย กรุงเทพฯ กลับบ้านที่บางไผ่-ท่าพระ ฝั่งธนบุรี ฝ่าฝนยามค่ำเป็นระยะทาง 14 กิโลเมตร อย่างสบายๆ
คราวนี้ขอนำคำแนะนำจากเพื่อนชาวฟิลิปปินส์ของผู้เขียนชื่อ Pio Fortuna Jr. มาเล่า พิโอเป็นประธานของสมาคมรถพับแห่งฟิลิปปินส์ (Tiklop Society of the Philippines) และรองประธานของกองพันหิ่งห้อย (The Firefly Brigade) ซึ่งเป็นกลุ่มที่ส่งเสริมการใช้จักรยานในชีวิตประจำวันที่จัดการขี่จักรยานรณรงค์แบบ Critical Mass มีคนเข้าร่วมขบวนกว่าหมื่น เป็นประจำทุกเดือน พิโอเขียนบทความชิ้นนี้ไว้สามปีแล้ว ผู้เขียนเห็นว่ายังทันสมัยและเข้ากันได้กับเมืองไทยที่อยู่ในเขตมรสุมเช่นกัน แต่ละประเทศมีฝนตกมากปีละหลายเดือน จึงขออนุญาตเขาเก็บความเอาทั้งเรื่องและภาพมาแนะนำผู้ใช้จักรยานในไทยบ้างด้วยสำนวนแบบไทยในบริบทไทย พร้อมเสริมจากประสบการณ์ส่วนตัวอีกส่วนหนึ่ง

คำแนะนำบางประการสำหรับการขี่จักรยานกลางฝน

1) ตรวจจักรยานว่าอยู่ในสภาพใช้การได้ดี ตามธรรมดา คุณก็ควรจะตรวจจักรยานว่าอยู่ในสภาพที่ใช้การได้ดีอยู่แล้วทุกครั้งที่ออกไปขี่ตามถนน ยิ่งจะขี่ฝ่าฝนก็ยิ่งต้องให้แน่ใจมากขึ้น โดยเฉพาะเครื่องห้ามล้อ และมีอุปกรณ์สำหรับการขี่จักรยานกลางคืน (ไฟหน้า-หลัง วัสดุสะท้อนแสง ฯลฯ) ติดรถไปด้วยแม้จะไม่มีแผนที่จะขี่กลางคืนในวันนั้นก็ตาม
2) ในฤดูฝน ตรวจทุกครั้งก่อนออกเดินทางว่าคุณมีอุปกรณ์กันฝนพร้อม อุปกรณ์กันฝนนี้รวมทั้งที่ใช้ป้องกันไม่ให้ตัวคุณเองเปียก (นอกเสียจากว่าคุณจะชอบขี่จักรยานโดยให้ตัวเปียกโชกเหมือนพิโอเพื่อนผม เขาบอกว่ามันรู้สึกดี) และที่ใช้ป้องกันของสำคัญที่เปียกน้ำไม่ได้ของคุณ อย่างกระเป๋าเงิน โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ เอกสารการงาน ฯลฯ สำหรับตัวคุณแล้วจะใช้เสื้อกันฝนแบบใดก็ได้ ตั้งแต่ที่เป็นพลาสติกบางๆ มีทั้งแบบที่เป็นรูปเสื้อมีแขนและแบบที่เป็นปอนโชใส่คลุมตัวลงไป ข้อดีคือเบา พับได้เล็กๆ พกพาง่าย ราคาถูก และหาซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้อทั่วไป ข้อเสียคือเสื้อฝนแบบนี้ไม่มีการระบายอากาศ ใส่แล้วร้อน ถ้าขี่หลายกิโลเมตร คุณจะเปียกได้เช่นกันด้วยเหงื่อของตัวคุณเอง การที่มันบางเบาทำให้ฉีกขาดง่าย ไม่ทนทาน และถ้าฝนหนักมากๆ พร้อมกับมีลมพัดแรง เสื้อกันฝนแบบนี้จะสู้ไม่ไหว เสื้อกันฝนที่มีคุณภาพดีขึ้นไปแบบที่ “หายใจได้” คือระบายอากาศได้ดี ทำให้ไม่ร้อนนักและไม่อับ มีทั้งที่ทำขึ้นสำหรับการขี่จักรยานเป็นการเฉพาะและที่ใช้กับกิจกรรมกลางแจ้งทั่วไป เสื้อกันฝนแบบนี้จะสู้ฝนได้ไม่ว่าจะหนักเพียงใด ไม่ร้อน แต่ก็พับให้เล็กๆ สำหรับพกพาไม่ได้ และหนักขึ้น ทั้งมักจะมีราคาไม่น้อย ถ้าคุณจะขี่จักรยานกลางฝนเป็นประจำหรือต้องพบกับฝนแรงก็อาจเป็นทางเลือกในการลงทุนซื้อมาป้องกันตัวคุณเองที่คุ้มค่า ส่วนอุปกรณ์ที่ใช้ป้องกันสิ่งของจากการเปียกฝนก็อาจจะเป็นถุงพลาสติกธรรมดาที่มีขนาดใหญ่(ให้พับได้สองสามทบหรือรวบมัดได้)และหนาซึ่งคุณได้มาโดยไม่ต้องจ่ายเงินซื้อหาในการซื้อของจากร้านหรือห้างสรรพสินค้า ไปจนถึงถุงที่ทำขึ้นมากันน้ำเป็นการเฉพาะ ซึ่งจะเชื่อใจได้มากกว่าว่ากันน้ำได้ร้อยทั้งร้อย ถุงแบบนี้มีหลายขนาด แต่ก็ต้องจ่ายเงินซื้อและราคาไม่ถูก
3) ขี่ให้ช้าลง หากคุณจะขี่ฝ่าฝน ต้องใช้ความเร็วให้น้อยลงกว่าที่คุณขี่โดยปกติเพื่อเพิ่มความสามารถในการควบคุมรถและรับมือกับสถานการณ์ เป็นต้นว่า เมื่อฝนตก ถนนอาจจะลื่นได้ โดยเฉพาะในช่วงที่ฝนตกใหม่ๆ น้ำฝนจะละลายฝุ่นบนถนนให้เป็นโคลนบางๆ หรือชะเอาน้ำมันที่หกแห้งอยู่บนผิวถนนออกมา สองอย่างนี้ทำให้ถนนลื่นได้มาก ดังนั้นก็ต้องสังเกตสังกาให้ดี ถ้าคุณขี่เร็ว คุณจะหลบเลี่ยงไม่ทันและห้ามล้อจะใช้ไม่ค่อยได้ผล จะลื่นล้มได้ ผมบอกได้เพราะเคยมาแล้ว อีกสถานการณ์หนึ่งคือเมื่อน้ำท่วมผิวถนน จะยากที่คุณจะเห็นได้ว่าใต้ผิวน้ำจะมีหลุมร่องหรืออะไรที่ทำให้รถจักรยานของคุณเสียหลักล้มได้บ้าง ถ้าหลีกได้ก็ควรหลีกที่จะขี่ฝ่าน้ำที่ขังเป็นแอ่งไป ถ้าหลีกไม่ได้ ยิ่งต้องขี่ช้าลงมากๆ มิฉะนั้นคุณอาจได้ใช้จมูกหรือหัวเข่าของคุณเป็นห้ามล้อ! การขี่บนเส้นทางที่ใช้ประจำมีข้อดีอย่างหนึ่งตรงนี้คือคุณจะมีโอกาสสังเกตและจดจำอุปสรรคบนถนน แม้เมื่ออยู่ใต้น้ำ มองไม่เห็น ความทรงจำจะบอกคุณได้ว่ามันอยู่ตรงนั้น ระวัง!
4) ทำตัวให้เห็นได้ง่ายขึ้น เมื่อฝนตก ความสามารถในการมองเห็นของผู้ขับขี่ยานพาหนะต่างๆ จะลดลง ดังนั้นจึงขอแนะนำให้ใช้เสื้อกันฝนที่มีสีสว่างสดใส และถ้าฝนตกหนักก็ใช้ไฟทั้งไฟหน้า-ไฟหลังให้เต็มที่เหมือนตอนที่คุณขี่จักรยานในยามค่ำคืน พวกวัสดุสะท้อนแสงก็ช่วยได้อีกทาง เพราะคนขับรถที่ดีจะเปิดไฟรถของเขาเช่นกันเวลาฝนตกหนัก เรียกว่ามีอะไรก็ใส่ก็ติดไปให้หมด
5) ติดบังโคลน ถ้ารถจักรยานของคุณยังไม่มีบังโคลนก็ไปติดเสีย มันจะช่วยกันไม่ให้ล้อหลังสาดโคลนขึ้นมาใส่เสื้อด้านหลังของคุณ ซึ่งคุณจะพบว่าซักออกได้ยากเพราะมันผสมสิ่งสกปรกหลายอย่างบนถนนเข้าด้วยกัน และสาดเข้าไปชิ้นส่วนกลไกระบบขับเคลื่อนกับระบบเกียร์ซึ่งก็ล้างออกยากเช่นกัน ส่วนบังโคลนล้อหน้าจะช่วยป้องกันไม่ให้ล้อหน้าสาดโคลนขึ้นมาใส่หน้า ขอแนะนำให้ติดบังโคลนใหญ่ๆ เลย มันไม่หนักเท่าใด แต่กันโคลนได้ทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมด บอกได้ว่าบังโคลนสั้นๆ แทบไม่ช่วยอะไร
6) เอาลมยางออกสักนิด ยางที่อ่อนขึ้น(คือมีความดันอากาศในยางในน้อยลง)มีผิวหน้ายางที่สัมผัสกับถนนเพิ่มขึ้น ทำให้เกาะถนนได้ดีขึ้น เอาอากาศในยางในออก ลดความดันลงมาสัก 5-10 psi (ปอนด์ต่อตารางนิ้ว) จะช่วยให้คุณควบคุมรถจักรยานได้ดีขึ้นแม้จะทำความเร็วได้ลดลงเมื่อใช้กำลังเท่าเดิม แต่จะเป็นไรไป ในเมื่อคุณก็จำเป็นต้องขี่ให้ช้าลงอยู่แล้วเมื่อจะขี่ฝ่าฝน
7) หากทำได้ ล้างรถจักรยานอย่างน้อยก็สักหน่อยทันทีที่ถึงจุดหมาย รถจักรยานของคุณจะเก็บสะสมโคลนและสิ่งสกปรกต่างๆนานามากกว่าปกติที่คุณขี่ในสภาพแห้งๆ ซึ่งหากปล่อยให้แห้งสนิทมันจะแข็งเกาะติดกับชิ้นส่วนรถจักรยาน เอาออก-ทำความสะอาดยาก และอาจทำให้สมรรถภาพของรถจักรยานลดลง เช่น ระบบเกียร์อาจจะฝืด และห้ามล้ออาจจะไม่ค่อยอยู่ ดังนั้นล้างเสียขณะที่ยังเปียก และหากไม่มีเวลาเช็ด จับรถจักรยานทั้งคันยกขึ้นและกระแทกลงบนยางสองสามครั้งก็จะช่วยสะบัดน้ำและสิ่งสกปรกออกไป
8) ดูแลสุขภาพร่างกาย ถ้าคุณเปียก เพราะชอบขี่เปียกๆ หรืออุปกรณ์กันฝนใช้ไม่ได้ผล หากทำได้ ควรอาบน้ำทันทีและเปลี่ยนไปใส่เสื้อผ้าแห้ง ถ้าอาบน้ำไม่ได้ด้วยเหตุใด อย่างน้อยก็ใช้ผ้าเช็ดให้หัวและร่างกายแห้งหมาดเร็วๆ อย่าปล่อยให้หัวเปียกตัวเย็นอยู่นานจะไม่สบายได้ เพื่อนชาวฟิลิปปินส์ของผมเขาแนะนำให้กินวิตามินซี 1,000 มิลลิกรัมเพื่อช่วยป้องกันหวัดหรือโรคที่เกี่ยวข้องกับทางเดินหายใจอื่นๆ และถ้าคุณมีแผลสดและขี่ลุยน้ำที่สกปรกมากๆ เขาแนะนำให้กิน Doxycycline 200 มิลลิกรัม ช่วยป้องกันเชื้อบักเตรีหรือการติดเชื้ออื่นๆ ที่มากับน้ำ เขาบอกว่ากินเม็ดเดียวก็ป้องกันได้ถึงหนึ่งสัปดาห์แม้จะไปโดนน้ำเสียมาก่อนแล้วก็ตาม
9) สิ่งที่ต้องระวัง
สายรุ้ง: ไม่ใช่สายรุ้งบนฟ้าอันงดงามที่อาจเกิดให้เห็นหลังฝนหยุดหรือฝนหยุดแล้วที่ไกลออกไป แต่เป็นสายรุ้งบนพื้นถนน สายรุ้งนี้บ่งบอกว่าตรงนั้นมีน้ำมันอยู่เป็นผิวบางๆ และทำให้ลื่นได้
เส้นที่ทาสีบนถนน: สีที่ทาเป็นเส้นบนถนนเพื่อแบ่งช่องทางจราจรหรือให้สัญญาณต่างๆ โดยเฉพาะเส้นทึบต่อเนื่องยาวๆ ในทางเดียวกับที่เราขี่จักรยานมักจะลื่นเมื่อเปียก จงหลีกเลี่ยงที่จะไปขี่บนเส้นเหล่านี้หรือแม้แต่แต่ขี่ตัดข้าม
พื้นที่เป็นโลหะหรือก้อนหิน: ในไทย พื้นถนนที่เป็นโลหะหรือก้อนหินมีน้อย แต่ถ้าบังเอิญพบขณะฝนตกก็ต้องระวัง เพราะมันลื่นได้เช่นกัน อย่างฝาปิดปากท่อระบายน้ำที่เป็นแผ่นโลหะ รางรถไฟ ฯลฯ
ยางห้ามล้อ: เมื่อขี่จักรยานกลางฝนจะมีกรวดเล็กๆ กระเด็นขึ้นมาติดกับยางห้ามล้อได้ มันจะเป็นเหมือนกระดาษทรายที่กัดทั้งยางห้ามล้อและแถบโลหะบนล้อที่ยางห้ามล้อไปสัมผัสให้สึกกร่อนลง คุณอาจจะสังเกตเห็นรอยขีดหรือกัดกร่อนบนโลหะนั้นมาแล้ว ยางห้ามล้อที่อ่อนกว่าโลหะจะสึกเร็วขึ้นไปอีก จึงควรตรวจดูด้วยเวลาล้างรถจักรยานว่าไม่มีกรวดพวกนี้เหลืออยู่บนยางห้ามล้อ
การห้ามล้อ: เมื่อยางเปียก มีน้ำบนถนน เมื่อห้ามล้อ รถจักรยานจะใช้ระยะทางมากกว่าปกติกว่าจะไปหยุดนิ่ง ดังนั้นนอกจากขี่ให้ช้าลงแล้ว จึงต้องห้ามล้อให้เร็วขึ้น เผื่อระยะทางที่จะให้รถจักรยานไปหยุดนิ่งให้มากขึ้น
โซ่: ถ้าขี่จักรยานฝ่าฝนเป็นประจำ เพื่อนชาวฟิลิปปินส์ของผมแนะให้ใช้น้ำมันโซ่ที่ “หนักข้น” ขึ้น น้ำมันโซ่ที่เบาใสจะถูกน้ำล้างหลุดออกไปได้ง่าย
10) มีจักรยานสำหรับขี่ฝ่าฝน หากคุณขี่จักรยานฝ่าฝนเป็นประจำ เพื่อนผมเขาก็แนะนำให้มีจักรยานที่เหมาะสำหรับการขี่ในสภาพเช่นนี้เอาไว้ใช้เป็นการเฉพาะ คุณจะได้ไม่ต้องเอาจักรยานคันงามออกมาเผชิญฝนกับขี้โคลน อันนี้ก็คงเป็นคำแนะนำสำหรับคนที่มีรถจักรยานคันงามราคาแพงที่สมควรทะนุถนอม ไม่เอามาลุยฝนลุยโคลน และคุณก็ต้องมีกำลังทรัพย์พอที่จะมีจักรยานหลายคันด้วย

การขี่จักรยานยามฝนตกเป็นทักษะอย่างหนึ่งที่เรียนรู้ได้ และจะทำได้ดีเมื่อได้ปฏิบัติและสรุปบทเรียน หากคุณจะใช้จักรยานเป็นยานพาหนะคู่ใจ ไม่ว่าจะเพื่อใช้เป็นวิธีการเดินทางในชีวิตประจำวัน เพื่อออกกำลังกาย เพื่อท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ หรือเพื่อแข่งขัน การมีทักษะนี้ไว้เป็นเรื่องดีแน่ และน่าจะช่วยให้คุณขี่จักรยานได้สะดวก สบาย ปลอดภัย และมีความสุขมากยิ่งขึ้น การขี่จักรยานฝ่าฝนเป็นประสบการณ์ที่ไม่อาจถ่ายทอดได้ นอกจากคุณจะประสบด้วยตนเอง ความลำบากของการขี่จักรยานกลางฝนอาจทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นกับการขี่จักรยานกลางแดด และในทางตรงข้าม คุณอาจจะขอบคุณความเย็นชุ่มฉ่ำที่มันมอบให้เมื่อคิดไปถึงการขี่จักรยานกลางแดดเปรี้ยง และวันหนึ่งตัดสินขี่จักรยานตากฝนให้สายน้ำไหลผ่านร่างกายเช่นเดียวกับที่ให้สายลมพัดแทรกเข้าไปเส้นผม
ขอให้ทุกคนขี่จักรยานฝ่าฝนไปได้อย่างมีความสุขและปลอดภัยครับ

ผู้เขียนขี่จักรยานกลางสายฝนกลับจากไปจ่ายตลาด

———————————————————————————————————————————————-
กวิน ชุติมา กรรมการ สถาบันการเดินและการจักรยานไทย เขียนจากข้อมูลใน Some tips for riding in Rain ของ Pio Fortuno Jr., Tiklop Society of the Philippines (2014)

Print Friendly, PDF & Email