Home ข้อมูลความรู้ บทความ สรุปผลการประชุมส่งเสริมการเดินและการใช้จักรยานในชีวิตประจำวัน ครั้งที่ 7 ( The 7th Thailand Bike and Walk Forum )

สรุปผลการประชุมส่งเสริมการเดินและการใช้จักรยานในชีวิตประจำวัน ครั้งที่ 7
( The 7th Thailand Bike and Walk Forum )

การประชุมส่งเสริมการเดินและการใช้จักรยานในชีวิตประจำวัน ประเทศไทย หรือ Thailand Bike and Walk Forum เป็นการประชุมระดับชาติด้านการเดินและการใช้จักรยาน โดยเป็นเวทีนำเสนอผลงานวิจัยและงานวิชาการที่เกี่ยวข้องกับการเดิน-จักรยานในชีวิตประจำวัน และในวันเสาร์ที่ 21 กันยายน 2562 ณ อาคารเคเอกซ์ (Knowledge Exchange for Innovation Center) ที่ผ่านมา นับเป็นครั้งที่ 7 ที่มีการจัดประชุมส่งเสริมการเดินและการใช้จักรยานในชีวิตประจำวันในประเทศไทย ในการจัดประชุมครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และมูลนิธิสถาบันการเดินและการจักรยานไทย (TWCI)


ในปี พ.ศ.2562 ภายใต้ตรีมการประชุม “Think Globally, Bike – Walk Locally” ส่งเสริมเดินปั่นเพิ่มกิจกรรมทางกาย ลดภาวะเนือยนิ่ง ระดับท้องถิ่น…สร้างสุขภาพดีให้เมือง ให้โลก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) นำเสนอผลงานวิจัยด้านการเดินและการใช้จักรยาน ของนักวิจัยเครือข่าย และนักวิจัยทั่วไป (2) แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ชุดประสบการณ์ทำงานด้านการเดินและการใช้จักรยาน มุมมองด้านสุขภาพ เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม และ (3) ร่วมถกแถลง นำเสนอแนวทาง การจัดการเมือง ชุมชน ให้เป็นมิตรต่อการเดินและการใช้จักรยาน เพิ่มกิจกรรมทางกาย สร้างสุขภาวะที่ดี

การประชุมได้มีการแบ่งกลุ่มกิจกรรมย่อยเพื่อนำเสนอผลงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการเดินและการใช้จักรยานทั้งหมด 4 กลุ่ม ได้แก่ (1) Active Societies การมุ่งสร้างบรรทัดฐานและทัศนคติเชิงบวกต่อการมีกิจกรรมทางกายด้วยการเดินและการใช้จักรยานในสังคมด้วยความรู้และความเข้าใจ (2) Active Environments การจัดการทางกายภาพและโครงสร้างพื้นฐานทางสิ่งแวดล้อมให้เอื้อต่อการเดินและการใช้จักรยาน เพิ่ม PA ด้วยความเท่าเทียมต่อคนทุกคน และทุกเพศทุกวัยในสังคม (3) Active People การสนับสนุนให้มีกิจกรรมทางกายในทุกช่วงวัยของชีวิต ตั้งแต่ครอบครัว โรงเรียน สถานที่ทำงาน ชุมชน สถานที่ท่องเที่ยว และ (4) Active Systems นโยบาย งบประมาณ มาตรการของภาครัฐส่วนกลาง และท้องถิ่น ที่สนับสนุนให้เอื้อต่อการมีกิจกรรมทางกาย ด้วยการเดิน และจักรยาน

โดยการประชุมครั้งนี้ได้เปิดโอกาสให้กับนักวิจัยในหลายสาขาที่มีความสนใจประเด็นการเดินและการใช้จักรยานในชีวิตประจำวัน เข้าร่วมนำเสนอผลงานวิจัยโดยสามารถแบ่งประเภทงานวิจัยดังต่อไปนี้

1.งานวิจัยในเครือข่าย

ซึ่งเป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการ 10 พื้นที่ จากนักวิจัยในเครือข่ายของมูลนิธิสถาบันการเดินและการจักรยานไทย โดยภายใน 10 พื้นที่ได้มีการวิจัยและทดลองเรื่องการเดินและการใช้จักรยานในบริบทที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ทดลอง โดยผลการวิจัยและองค์ความรู้ที่ได้ในทั้งหมด 10 พื้นที่ๆได้มีการวิจัยเชิงปฏิบัติการ หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคมสามารถนำองค์ความรู้ไปปรับใช้ในพื้นที่ของตนเอง เพื่อให้เข้ากับสภาพแวดล้อมและความเหมาะสมของในแต่ละพื้นที่ ซึ่งมีบริบทแตกต่างกันในเรื่องการเดินและการใช้จักรยาน

2.งานวิจัยในโครงการชุมชนจักรยานเพื่อสุขภาวะ

โครงชุมชนจักรยานเพื่อสุขภาวะเป็นหนึ่งในโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมการสุขภาพ(สสส.) และมูลนิธิสถาบันการเดินและการจักรยานไทย โดยเป็นโครงการนำร่องเรื่องการส่งเสริมเดิน-จักรยานในชุมชนต่างๆกว่า 80 ชุมชนทั่วประเทศ และในการประชุมส่งเสริมการเดินและการใช้จักรยานในชีวิตประจำวัน ครั้งที่ 7 ได้มีการนำเสนอผลงานจากชุมชนจักรยานที่มีความโดดเด่น ได้แก่ ชุมชนมาตารูซอ จังหวัดยะลา และชุมชนมาร้อง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

3.งานวิจัยจากบุคคลภายนอก

ในการประชุมส่งเสริมการเดินและการใช้จักรยานในชีวิตประจำวัน ครั้งที่ 7 ได้เปิดรับบทความงานวิจัยด้านการเดินและการใช้จักรยานจากบุคคลภายนอกเพื่อตีพิมพ์ในเอกสารประกอบการประชุมเพื่อให้ผู้เข้าร่วมการประชุมได้ศึกษาองค์ความรู้ด้านการเดินและการใช้จักรยานในบริบทต่างๆ และเป็นหนึ่งแนวทางในการเผยแพร่ข้อมูลวิจัยสำหรับบุคคลทั่วไปที่มีความสนใจประเด็นด้านการเดินและการใช้จักรยาน

(ผู้ร่วมนำเสนอผลงานวิจัย: ผศ.ดร.อมร บุญต่อ) (ผู้ร่วมนำเสนอผลงานวิจัย: อ.สุวิมล เจียรธราวานิช)

ในช่วงเช้าของการประชุมส่งเสริมการเดินและการใช้จักรยานในชีวิตประจำวัน ครั้งที่ 7 ได้รับเกียรติจาก นายจำรูญ ตั้งไพศาลกิจ ประธานมูลนิธิสถาบันการเดินและการจักรยานไทย (TWCI) กล่าวต้อนรับและเปิดการประชุมฯ โดยหลักจากนั้นได้มีการเสวนาพิเศษเรื่อง การเพิ่มกิจกรรมทางกาย (Physical Activity) ด้วยการเดินและการใช้จักรยาน โดย ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมวิถีชีวิตสุขภาวะ สสส. และ รศ.ดร.ประพัทธ์พงษ์ อุปลา กรรมการมูลนิธิสถาบันการเดินและการจักรยานไทย นำเสนอประเด็นสำคัญของการประชุม : สถานการณ์ PA โลก แนวโน้ม PA ไทย เมื่อเดิน-จักรยาน คือคำตอบ ซึ่งในปัจจุบันสังคมไทยยังมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนเรื่องกิจกรรมทางกาย โดยส่วนใหญ่มักเข้าใจว่ากิจกรรมทางกาย หมายถึง กิจกรรมนันทนาการ และการออกกำลังกายที่หนักหน่วง ทั้งที่จริงแล้วกิจกรรมทางกายนั้นรวมไปถึงการเคลื่อนไหวร่างกายในกิจวัตรประจำวัน ยิ่งมีการเคลื่อนไหวร่างกายมากเท่าไหร่ ย่อมส่งผลดีต่อร่างกาย และเป็นปัจจัยหนึ่งในการลดภาวะเนือยนิ่ง(Sedentary Behavior)

(ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม และ รศ.ดร.ประพัทธ์พงษ์ อุปลา) (นายจำรูญ ตั้งไพศาลกิจ)

ภาวะเนือยนิ่ง หรือ Sedentary Behavior เป็นหนึ่งประเด็นที่องค์การอนามัยโลก(WHO) ให้ความสำคัญและต้องการลดปริมาณภาวะเนือยนิ่งในประชากรทั่วโลก โดยองค์การอนามัยโลกแนะนำว่าในแต่ละบุคคลควรมีกิจกรรมทางกายไม่น้อยกว่า 150 นาทีต่อสัปดาห์ หรือการออกกำลังกายอย่างหนักเป็นเวลาไม่ต่ำกว่า75นาทีต่อสัปดาห์ ซึ่งการออกกำลังกายนี้สามารถนับรวมจากการทำงาน การเดินทางในชีวิตประจำวันได้ ดังนั้นหากประชาชนเลือกวิธีการเดินทางด้วยการเดินหรือปั่นจักรยานสำหรับการเดินทางระยะใกล้รัศมี 1-3 กิโลเมตร แทนการใช้มอเตอร์ไซค์รับจ้าง หรือ รถยนต์ส่วนตัว ก็สามารถเป็นหนึ่งวิธีที่มีส่วนช่วยในการลดภาวะเนือยนิ่ง และสร้างเสริมสุขภาวะที่ดี
รูปแบบการประชุมช่วงเช้าได้มีกิจกรรมเพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างวิทยากรพิเศษและผู้เข้าร่วมการประชุม โดยในการประชุมได้มีการให้ผู้เข้าร่วมประชุมตอบคำถามที่เกี่ยวข้องกับ PA ผ่านการสแกน QR Code และสามารถรับรู้ผลลัพธ์เปอร์เซ็นต์ของคำตอบในแต่ละหัวข้อแบบ Real – Time ซึ่งผลลัพธ์เปอร์เซ็นต์ในแต่ละหัวข้อนั้นมีดังต่อไปนี้

• คำถามข้อที่ 1 : คุณรู้จักกิจกรรมทางกาย (Physical Activity ; PA) หรือไม่?

คำตอบจากผู้เข้าร่วมประชุมคือ 61.3% รู้จัก PA และ 38.7% ไม่รู้จัก PA

• คำถามข้อที่ 2 : ในแต่คุณคิดว่าคุณมี PA เพียงพอแล้วหรือยัง?

คำตอบจากผู้เข้าร่วมประชุมคือ 58.2% คิดว่าตนเองมี PA เพียงพอ และ 41.8% คิดว่าตนเองไม่มี PA เพียงพอ

• คำถามข้อที่ 3 : เดิน กับ จักรยาน คุณเลือกอะไรเพื่อเพิ่มกิจกรรมทางกาย?

คำตอบจากผู้เข้าร่วมประชุมคือ 56.9% เลือกเพิ่ม PA ด้วยเดินและจักรยาน 30.6% เลือกเพิ่ม PA ด้วยการเดิน และ 12.5 เลือกเพิ่ม PA ด้วยการปั่นจักรยาน

ต่อจากนั้นได้มีการสรุปผลการนำเสนอผลงานวิจัยจากกลุ่มกิจกรรมย่อยทั้ง 4 กลุ่ม โดยผลสรุปในแต่ละห้องย่อยนั้น ได้มาจากแนวคิดของนักวิจัยเรื่องเดิน-จักรยาน และข้อเสนอแนะจากผู้เข้าร่วมประชุม เพื่อหาแนวทางร่วมในการผลักดันเรื่องการเดินและการใช้จักรยานในสังคมไทย โดยเนื้อหาข้อสรุปในแต่ละห้องย่อยมีดังต่อไปนี้

1. Active Societies

ประเด็นหลัก : การมุ่งสร้างบรรทัดฐานและทัศนคติเชิงบวกต่อการมีกิจกรรมทางกายด้วยการเดินและการใช้จักรยานในสังคมด้วยความรู้และความเข้าใจ

ผลงานวิจัยนำเสนอ/นักวิจัย
• การวิจัยเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาเมือง-ชุมชนให้เป็นมิตรต่อการเดินและการใช้จักรยาน กรณีศึกษาเทศบาลนครหาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา (ผศ.ดร.ปุณยนุช รุธิรโก)
• การศึกษาวิจัยเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาเมือง-ชุมชนให้เป็นมิตรต่อการเดินและการใช้จักรยาน กรณีศึกษา ซอยงามดูพลี สำนักงานเขตสาทร กรุงเทพมหานคร (อ.สุวิมล เจียรธราวานิช)
• การออกแบบชุมชนจักรยาน นวัตกรรมอย่างง่ายส่งเสริมการเดินทางเพื่อความยั่งยืน (นาย อารดินทร์ รัตนภู) และผู้แทนจากชุมชนจักรยานตัวอย่าง

บทสรุปกลุ่มกิจกรรมย่อย Active Societies
1. การสร้างเครือข่ายและชุมชนจักรยานในช่วงเริ่มต้นต้องอาศัยระดับบุคคล ซึ่งได้แก่ แกนนำชุมชน เยาวชนต้นแบบ และผู้นำท้องถิ่น โดยในช่วงแรกอาจเป็นการเล่าสู่กันฟังเรื่องประโยชน์
ของการเดินและการใช้จักรยาน เพื่อพัฒนาเป็นการรวมกลุ่มในชุมชนในลำดับถัดไป
2. การสร้างแรงบันดาลใจในเรื่องเดิน-จักรยาน ต้องมีการสร้างกิจกรรมร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่สนับสนุนเรื่องเดิน-จักรยาน และ ผู้ที่อาศัยในชุมชน โดยการสร้างกิจกรรมภายในชุมชน ผู้ที่อาศัยในชุมชนต้องสามารถมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นในการสร้างรูปแบบกิจกรรมร่วมกันได้

3. เมื่อมีกิจกรรมส่งเสริมการเดินและการใช้จักรยานภายในชุมชนแล้ว ควรต่อยอดให้มีกิจกรรมส่งเสริมการเดินและการใช้จักรยานในรูปแบบต่างๆเพื่อให้เกิดความยั่งยืน ยกตัวอย่าง เช่น การปั่นจักรยานเพื่อการท่องเที่ยว การปั่นจักรยานเพื่อส่งเสริมสุขภาพที่ดี การปั่นจักรยานเพื่อส่งเสริมกิจกรรมเยาวชนให้ห่างไกลจากยาเสพติด เป็นต้น

2. Active Environments

ประเด็นหลัก : การจัดการทางกายภาพและโครงสร้างพื้นฐานทางสิ่งแวดล้อมให้เอื้อต่อการเดินและการใช้จักรยาน เพิ่ม PA ด้วยความเท่าเทียมต่อทุกคน และทุกเพศทุกวัยในสังคม

ผลงานวิจัยนำเสนอ/นักวิจัย
• การปรับปรุงทางเดินเท้าในชุมชน (กรณีศึกษา ซอยพุทธบูชา 44) (รศ.ดร.วิโรจน์ ศรีสุรภา-นนท์)
• การศึกษาวิจัยเชิงปฏิบัติการรูปแบบที่เหมาะสมต่อการสนับสนุนการใช้จักรยานปันกันใช้ กรณีศึกษาอาคารสำนักงานให้เช่า (นางสาว สรัสวดี โรจนกุศล)
• การส่งเสริมการใช้จักรยานเพิ่มกิจกรรมทางกาย เชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีม่วง (ผศ.ดร.อมร บุญต่อ)
• การส่งเสริมการสร้างเมืองชุมชนที่เป็นมิตรต่อการเดินและใช้จักรยานในชีวิตประจำวัน พื้นที่ศึกษา: ชุมชนสุขสบายใจ เทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ (ผศ.ดร.พลเดช เชาวรัตน์)

บทสรุปกลุ่มกิจกรรมย่อย Active Environments
1. การจัดการทางกายภาพและโครงสร้างพื้นฐานเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยสนับสนุนให้คนเลือกการเดินทางด้วยเดิน-จักรยาน

2. การปรับเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการเดินและการใช้จักรยานต้องมีการวิเคราะห์ความเหมาะสมกับบริบทสังคม และสร้าง Role Model ที่สามารถทำได้ง่ายไม่ซับซ้อน

3. การปรับเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานในแต่ละครั้งมีระยะเวลาในการดำเนินการ และเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากเพราะมีความเกี่ยวข้องกับหน่วยงานหลายภาคส่วน จึงต้องมีข้อตกลง หรือ ฉันทามติ (Consensus) ร่วมกัน ระหว่างหน่วยงานที่มีความเกี่ยวข้องด้านการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน

3. Active People

ประเด็นหลัก : การสนับสนุนให้มีกิจกรรมทางกายในทุกช่วงวัยของชีวิต ตั้งแต่ครอบครัว โรงเรียน สถานที่ทำงาน ชุมชน สถานทีท่องเที่ยว

ผลงานวิจัยนำเสนอ/นักวิจัย
• การศึกษาวิจัยเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาเมือง-ชุมชนให้เป็นมิตรต่อการเดินและการใช้จักรยาน กรณีศึกษาเทศบาลตำบลนาทวี อำเภอนาทวี จังหวัดสงขลา (ดร.สิริลักษณ์ ทองพูน)
• การศึกษาวิจัยเชิงปฏิบัติการส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชน (บินไป ปั่นไป) : กรณีศึกษาการออกแบบการเดินทางเชื่อมต่อท่าอากาศยานน่านนคร และชุมชน (นายพงศ์วิสิฐ คำยันต์)
• การเสริมสร้างการเดินและการใช้จักรยานเพื่อการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา (ผศ.ดร.สหัทยา วิเศษ)

บทสรุปกลุ่มกิจกรรมย่อย Active People
1. การเดิน-จักรยาน อย่างยั่งยืนเป็นเรื่องระดับปัจเจกบุคคล โดยเมื่อเริ่มจากระดับปัจเจกบุคคลได้แล้วนั้น สามารถปรับเปลี่ยนหรือพัฒนาเป็นการรวมกลุ่มเพื่อทำกิจกรรมร่วมกัน ยกตัวอย่างเช่นในพื้นที่อำเภอนาทวี จ.สงขลา

2. การสร้างองค์ความรู้เพื่อเปลี่ยน Mindset ในแต่ละบุคคลได้นั้นต้องมีแรงจูงใจมากพอ และความรู้ด้านการเดินและการใช้จักรยานนั้นต้องมีความเหมาะสมในแต่ละบริบทของพื้นที่นั้นๆ

3. การจะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในปัจเจกบุคคลได้นั้นต้องมีองค์ประกอบ 3 อย่างซึ่งประกอบด้วย นโยบาย วิชาการ และภาคประชาสังคม

4. Active Systems

ประเด็นหลัก : นโยบาย งบประมาณ มาตรการของภาครัฐส่วนกลาง และท้องถิ่น ที่สนับสนุนให้เอื้อต่อการมีกิจกรรมทางกาย ด้วยการเดิน และจักรยาน

ผลงานวิจัยนำเสนอ/นักวิจัย
• การศึกษาปัจจัยความสำเร็จเชิงระบบ เพื่อส่งเสริมเมือง-ชุมชน ที่เป็นมิตรต่อการเดินทาง : กรณีศึกษาเทศบาลเมืองระนอง (นายพรเทพ ดิษยบุตร)
• การศึกษาวิจัยเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาเมือง–ชุมชนให้เป็นมิตรต่อการเดินและการใช้จักรยาน กรณีศึกษาชุมชนในเขตเทศบาลนครพิษณุโลก (ผศ.ดร.ภคพร วัฒนดำรงค์)
• การตรวจสอบปัจจัยที่เป็นปัญหาและอุปสรรคต่อการใช้จักรยานในชีวิตประจำวันและกระบวนการเชิงนโยบายในการแก้ไขปัญหา: กรณีศึกษาตำบลบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา) (ผศ.ดร.สุรเมศวร์ พิริยะวัฒน์)
• แนวทางการพัฒนาเส้นทางจักรยานรูปแบบใหม่ในเทศบาลนครตรัง (อาจารย์สรศักดิ์ ชิตชลธาร)

บทสรุปกลุ่มกิจกรรมย่อย Active Systems
1. บทบาทและวิสัยทัศน์ของผู้บริหารท้องถิ่นมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการผลักดันโครงการเรื่องเดิน – จักรยานให้เป็นรูปธรรม

2. เมื่อผู้นำเกิดวิสัยทัศน์เรื่องส่งเสริมการเดินและการใช้จักรยานในชีวิตประจำวันให้กับประชาชนแล้ว จะเริ่มเกิดการขับเคลื่อนนโยบายภายในองค์กร ตามคำกล่าวที่ว่า “ผู้นำขยับ หน่วยงานขยับ” ยกตัวอย่าง เช่น กรณีจังหวัดพิจิตร ที่มีกิจกรรมผู้ว่าพาปั่น เป็นต้น

3. ต้องมีการปรับโยบายและแผนให้เหมาะสมตามบริบทของแต่ละพื้นที่เพื่อให้เกิดผมสัมฤทธิ์เรื่องการเดินและการใช้จักรยานที่ดีและยั่งยืน

และในช่วงบ่ายของการประชุมได้มีการนำเสนอผลงานวิจัยในหัวข้อ “กางแผน PA โลก วิเคราะห์แผน PA ไทย : เดินและจักรยาน โอกาสและปัจจัยจำกัด” โดย พญ.ฐิติภรณ์ ตวงรัตนานนท์ ตำแหน่งนายแพทย์ชำนาญการ ศูนย์อนามัยที่ 10 อุบลราชธานี กรมอนามัย โดยเป็นการเสนอผลงานวิจัยเรื่องเดิน – จักรยาน เปรียบเทียบนโยบายส่งเสริมการเดินและการใช้จักรยานในต่างประเทศ อุปสรรคและข้อจำกัดด้านการเดินและการใช้จักรยานในสังคมไทย และปัจจัยที่มีส่วนช่วยส่งเสริมการเดินและการใช้จักรยานให้เป็นรูปธรรมอย่างยั่งยืน

( พญ. ฐิติภรณ์ ตวงรัตนานนท์ )

ในการนำเสนอผลงานวิจัยประเด็น การส่งเสริมกิจกรรมทางกายระดับสิ่งแวดล้อมและนโยบาย
ในประเทศไทย ซึ่งผลวิจัยของ พญ.ฐิติภรณ์ ตวงรัตนานนท์ ในครั้งนี้ ชี้ให้เห็นปัญหาและแนวทางการแก้ปัญหาใน 2 ระดับ ดังต่อไปนี้

(1) ระดับสิ่งแวดล้อม
1.1 ในระดับงานวิจัย
• โครงสร้างพื้นฐานเป็นสิ่งที่น่าจะมีส่วนช่วยส่งเสริมกิจกรรมทางกายได้(แต่หลักฐานยังไม่ชัดเจน)
• ผู้สูงอายุเห็นว่าการมีสิ่งอำนวยความสะดวกเชิงนันทนาการสำคัญกว่าการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
• ทัศนคติของประชาชนโดยรวมส่งผลต่อการเลือกวิธีการเดินทางในระดับปัจเจกบุคคล

1.2 ในระดับแผนยุทธศาสตร์ชาติ
• Active environments นั้นยังมีการกล่าวถึงอย่างจำกัดในแผนยุทธศาสตร์ชาติของประเทศไทย

1.3 ในระดับองค์การบริหารส่วนจังหวัด
• ในส่วนขององค์การบริหารส่วนจังหวัด มีการเน้นย้ำ Active environments มากกว่า Active Systems แต่โดยส่วนใหญ่ยังเน้นไปทางการพัฒนากีฬา มากกว่าการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน

(2) ระดับนโยบาย

2.1 ในระดับงานวิจัย
• ยังมีงานวิจัยเชิงนโยบายที่มีข้อจำกัดอยู่

2.2 ในระดับแผนยุทธศาสตร์ชาติ
• มีการสนับสนุน Active systems อย่างชัดเจน เช่นการมีแนวทางปฏิบัติ ข้อมูล การจัดการ งานวิจัยและกระบวนการทางการเงิน

2.3 ในระดับองค์การบริหารส่วนจังหวัด
• ไม่มีนโยบายที่ชัดเจนเกี่ยวกับการส่งเสริมกิจกรรมทางกายเชิงสิ่งแวดล้อมและนโยบาย
และผลวิจัยเพิ่มเติมพบว่า ในประเด็นการเพิ่มกิจกรรมทางกายในบุคคล ต้องอาศัยการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน โดยในผลวิจัยพบว่างานวิจัยส่วนใหญ่เน้นเรื่องสิ่งแวดล้อมมากกว่าการจัดการเชิงนโยบาย และขณะเดียวกันการปรับปรุงทางกายภาพโครงสร้างพื้นฐานต้องมาควบคู่กับการบังคับใช้กฏหมาย(Law Enforcement) ที่เด็ดขาด เพราะหากมิเช่นนั้นแม้จะมีการเพิ่มจำนวนจักรยานหรือมอบจักรยานให้กับประชาชนทั่วไป ก็มิได้ทำให้ประชาชนตัดสินใจปั่นจักรยานเพิ่มขึ้น

ในขณะเดียวกัน ผลลัพธ์ในงานวิจัยชี้ให้เห็นถึงปัญหาด้านความปลอดภัยของผู้เดินและผู้ใช้จักรยานในสังคมไทย โดยอัตราการเกิดอุบัติเหตุของผู้ใช้จักรยานคือ 72 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่อัตราการเดินอุบัติเหตุของคนเดินเท้าเกิดขึ้นสูงถึง 4 ครั้งต่อปี
การแก้ปัญหาในเรื่องดังกล่าวอย่างยั่งยืน นโยบายสาธารณะและการบังคับใช้กฏหมายต้องมีความเข้มแข็ง ผู้บริหารในระดับต่างๆควรมีการประสานงานหลายฝ่ายเพื่อพัฒนานโยบายเรื่องดังกล่าวให้เป็นรูปธรรม ถ่ายทอดนโยบายจากส่วนกลางไปยังส่วนภูมิภาค เน้นย้ำเรื่องการเฝ้าระวังความปลอดภัยและมีการประเมินผลเรื่องกิจกรรมทางกาย

ต่อจากนั้นได้มีการเสวนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นจากผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ (1) นางนงพะงา ศิวานุวัฒน์ ผู้แทนจากกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (2) นายอดิศักดิ์ อนันตริยทรัพย์ ผู้แทนจากเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ (3) นายชัยชนะ มีศิริ ผู้แทนจากเทศบาลนครพิษณุโลก และ (4) นายจำลักษ์ กันเพ็ชร์ ผู้แทนจากกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย โดยการเสวนาได้มุ่งเน้นในเรื่องการเดินและการใช้จักรยานในมิติต่างๆ อาทิ เช่น มิติด้านสุขภาพ มิติด้านสิ่งแวดล้อม มิติด้านเศรษฐกิจ และมิติอื่นๆ รวมถึงแนวทางการผลักดันเรื่องการเดินและการใช้จักรยานในระดับนโนบายของทางหน่วยงานภาครัฐ เพื่อให้การเดินและการใช้จักรยานในชีวิตประจำวัน สามารถเกิดขึ้นได้จริงและยั่งยืนในสังคมไทย

(นางนงพะงา ศิวานุวัฒน์, นายอดิศักดิ์ อนันตริยทรัพย, นายชัยชนะ มีศิริ และ นายจำลักษ์ กันเพ็ชร์)

ในการประชุมส่งเสริมการเดินและการใช้จักรยานในชีวิตประจำวัน ครั้งที่ 7 ที่ผ่านมา มีผู้เข้าร่วมทั้งสิ้น 146 คน โดยแบ่งเป็นผู้ลงทะเบียนออนไลน์จากหน่วยงานภาครัฐ อาทิ เช่น กรมขนส่งทางบก, กรมควบคุมมลพิษ, สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) และหน่วยงานภาครัฐอื่นๆ รวมถึงหน่วยงานภาคประชาสังคม อาทิ เช่น ศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน(ศวปถ.), ศูนย์วิจัยเพื่อสร้างเสริมความปลอดภัยและป้องกันการบาดเจ็บในเด็ก(CSIP), และสมาคมวิจัยวิทยาการขนส่งแห่งเอเชีย (ATRANS) เป็นต้น และประชาชนทั่วไปที่มีความสนใจเข้าร่วมการประชุมมีจำนวนทั้งสิ้น 106 คน ในส่วนของผู้เข้าร่วมการประชุมแบบลงทะเบียนหน้างานมีจำนวนทั้งสิ้น 32 คน และ สื่อมวลชนมีจำนวนทั้งสิ้น 8 คน


นอกจากนี้มูลนิธิสถาบันฯ ได้มีการจัดกิจกรรม Bike and Walk Trip ณ วิสาหกิจชุมชนบ้านริมคลองโฮมสเตย์ จ.สมุทรสงคราม ในวันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน 2562 โดยมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมจากหน่วยงานภาครัฐ อาทิ เช่น สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.), กรมควบคุมมลพิษ และกรมควบคุมโรค เป็นต้น และผู้เข้าร่วมกิจกรรมจากภาคประชาสังคมหรือ อาทิ เช่น บริษัท กล่องดินสอ จำกัด และ โครงการชุมชนจักรยานเพื่อสุขภาวะ เป็นต้น รวมถึงผู้เข้าร่วมกิจกรรมจากองค์การระหว่างประเทศ โดยเป็นผู้เข้าร่วมกิจกรรมจากองค์การสหประชาชาติ (United Nations) นอกจากนี้ยังมีผู้เข้าร่วมโดยเป็นประชาชนทั่วไปที่มีความสนใจในเรื่องการเดินและใช้จักรยาน

โดยในกิจกรรมครั้งนี้มีจำนวนผู้เข้าร่วมทั้งสิ้น 35 คน เพื่อร่วมทำกิจกรรมส่งเสริมการปั่นจักรยานพร้อมกับเรียนรู้วิถีชีวิตชุมชนที่เป็นเอกลักษณ์และมีความน่าสนใจ อาทิ เช่น การทำน้ำตาลมะพร้าวและผลิตภัณฑ์อื่นๆที่ได้จากมะพร้าว การทดลองทำขนมไทยโบราณ การทำผัดไทกุ้งสดด้วยตนเอง การเยี่ยมชมเกษตรอินทรีย์ของคนในชุมชน เช่น แปลงผักปลอดสารพิษ และโรงเพาะเห็ด ซึ่งสร้างรายได้ให้กับผู้คนในชุมชน รวมไปถึงการทำสปาเท้าด้วยดอกเกลือซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ภายในชุมชนและได้รับการพัฒนาเป็นหนึ่งในธุรกิจบริการนักท่องเที่ยวภายในวิสาหกิจชุมชน

ความสำเร็จของการประชุม

ในการประชุมส่งเสริมการเดินและการใช้จักรยานในชีวิตประจำวันได้มีการจัดประชุมอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่7 และได้รับความสนใจจากหน่วยงาน ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และสื่อมวลชน โดยการประชุมครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งในการกระตุ้นสังคมไทยเพื่อให้รับรู้ความสำคัญของกิจกรรมทางกายและผลกระทบของภาวะเนือยนิ่ง เกิดความร่วมมือในหลายภาคส่วนเพื่อส่งเสริมการเดินและการใช้จักรยานในชีวิตประจำวัน ประชาชนทั่วไปเข้าใจความหมายของกิจกรรมทางกายอย่างแท้จริงและมองประโยชน์ของการเดินและการใช้จักรยานในมิติต่างๆ ทั้งในมิติด้านสุขภาพ เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม มากกว่าการมองเรื่องเดินและจักรยานเป็นเพียงกิจกรรมนันทนาการเพียงเท่านั้น

Print Friendly, PDF & Email
formasi agar modal tahan lama di mahjong wins situs gacormahjong ways berikan pecahan besar tak terhinggapemuda jakut dapat tas lv berkat mahjong winsroni anak jakut bawa cash ratusan juta maxwin mahjong wayssituasi sudah kondusif scatter mahjong wins peluang indahslot gacorslot rtp gacorkaisar89aqua365parisklubmochibet88 garis pembayaran mahjong wins gacor kejar maxwin dalam 15 menit