Home ข้อมูลความรู้ บทความ เซ็นกับศิลปะของการขี่จักรยานไปทำงาน
เซ็นกับศิลปะของการขี่จักรยานไปทำงาน

  ที่มาภาพ : The Wisdom Project

ไม่มีสิ่งใดที่ผมได้ครอบครองในวัยเด็กให้อิสรภาพแก่ผมมากไปกว่าจักรยาน

วงรอบของชีวิตผมในวันหนึ่งๆ เพิ่มขึ้นสิบเท่าเมื่อผมแลกการใช้เท้าเดินกับการใช้เท้าปั่นบันไดจักรยาน ผมจะขี่จักรยานบีเอ็มเอ็กซ์ทีมเมอร์เรย์สีส้มดำฉูดฉาดตาคันสุดรักไปกลับโรงเรียนที่อยู่ในเมืองบัลติมอร์ในวันธรรมดา ซึ่งแต่ละเที่ยวก็เป็นระยะทางราวสามกิโลเมตร ส่วนในวันสุดสัปดาห์ ผมจะแหกคอกออกไปร่วมแก๊งกับกลุ่มเพื่อนที่ประพฤติตนเหมือนเผ่าเด็กแก่นแก้วเข้ายึดครองละแวกบ้านมาอยู่ใต้กงล้อและจินตนาการรวมหมู่ของพวกเรา บางครั้งผมจะตื่นลุกขึ้นมาก่อนสว่างแล้วออกไปวาดลวดลายเดี่ยวไกลๆ ไปตามถนนในเมืองที่เกือบจะว่างเปล่าที่ส่งกลิ่นเหมือนขนมปังที่อบมาใหม่ๆ และกลิ่นของเสรีภาพ

มีการแสดงให้เห็นกันไปแล้วว่า การขับรถยนต์ไปทำงานเพิ่มระดับความเครียด ความกังวล ความหดหู่ การปวดหลัง และความดันโลหิต ในขณะที่การขี่จักรยานบังคับให้คุณต้องอยู่กับปัจจุบัน ตระหนักถึงสิ่งที่เป็นอยู่รอบด้าน และสัมผัสใกล้ชิดกับความหมายที่ลึกซึ้งกว่าของชีวิต

เมื่อภรรยากับผมย้ายมานิวยอร์ค ผมเดินทางไปทำงานบนจักรยานพับยี่ห้อดาฮอนรุ่นบรอดวอล์ค ดี 8 ที่สอดใส่เข้าไปเก็บไว้ใต้โต๊ะอาหารตัวเล็กในห้องพักแบบสตูดิโอขนาดจิ๋วของเราในอีสท์วิลเลจได้ ผมขี่ตัดข้ามส่วนที่เป็นเอวแคบๆ ของเกาะแมนฮัตตันผ่านหมู่บ้านกรีนนิช แล้ววกขึ้นตามแนวแม่น้ำฮัดสัน ไปสิ้นสุดจอดไว้ใต้โต๊ะในคอกทำงานของผมที่แรนดอมเฮาส์

สิบห้าปีผ่านไป ผมกลับมาเดินทางไปทำงานบนสองล้ออีกครั้งหนึ่งผ่านถนนที่เป็นมิตรกับจักรยานมากยิ่งขึ้นทุกทีของนครแอตแลนต้า คราวนี้บนอานจักรยานสตราดา (ซึ่งเป็นภาษาอิตาเลี่ยนที่แปลว่า “ถนน”) ของบิอองคี่ มันทั้งสนุกและทำให้ผมฟิต มีสุขภาพดีอย่างที่หวังไว้ อย่างน้อยก็จนกระทั่งถูกรถกระบะชน โดยที่มันมาหยุดอยู่บนล้อหลังของผมเลย ผมถลอกปอกเปิกฟกช้ำดำเขียวจากเหตุครั้งนี้ แต่ก็ไม่หวั่นไหว เมื่อคนขับรถกระบะพาผมมาส่งบ้าน ผมก็เปลี่ยนเอาจักรยานอีกคันออกมาขี่มุ่งหน้าไปทำงานอีกครั้ง

ผมใช้จักรยานอื่นอีกหลายคันในช่วงหลายปีที่ผ่านมา คันหนึ่งทำความเร็วได้สามระดับและมีอานแบบที่เรียกว่า banana seat ส่วนอีกคันมีความเร็วสิบระดับ มีแฮนด์โค้งลงแบบจักรยานแข่งที่ทำให้ผมรู้สึกเหมือนกับเป็นตัวแสดงในภาพยนตร์เรื่อง “Breaking Away” ผมยังเก็บจักรยานยี่ห้อสเปเชี่ยลไลซ์รุ่นฮาร์ดร็อคที่ผมซื้อมาสมัยเรียนอยู่วิทยาลัยเอาไว้ มันเป็นเจ้าสัตว์ร้ายที่มอมแมมเต็มไปด้วยรอยขีดข่วน ดูเหมือนกับได้ไปเก็บยอดเขาต่างๆ ของนครซานฟรานซิสโกกับเตะฝุ่นจากเส้นทางในทะเลทรายแอริโซน่ามาไว้หมด พร้อมๆไปกับได้พิชิตเส้นทางท่องเที่ยวยาว 64 กิโลเมตรผ่านทั้งห้าเขตของมหานครนิวยอร์คไปแล้วหลายเที่ยว ซึ่งมันก็ได้ทำเช่นนั้นมาแล้วจริงๆ มันพร้อมที่จะออกมาโลดแล่นอยู่แล้วเมื่อเจ้าสตราดาต้องมาถูกกองไว้หลังถูกชน

ถ้าคุณเห็นตัวผมจริงๆ คุณจะเห็นว่าผมดูไม่เหมือนนักจักรยานเลยสักนิด ผมไม่ได้มีหุ่นเพรียว ไม่ได้ดูบึกบึนหรือเท่บนจักรยาน ผมไม่ได้ใส่ชุดจักรยานแนบเนื้อแน่นเปรี๊ยะ ไม่ได้ใช้กระเป๋าสะพายแบบคนส่งสาส์นที่ใช้จักรยานหรือขี่เร็วโลดเหมือนคนเหล่านั้น ผมไม่เคยเป็นเจ้าของจักรยานที่ราคาเกินกว่า 800 ดอลลาร์เลยสักคัน ผมไม่รู้อะไรมากนักเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ยี่ห้อ หรือกลไกของจักรยาน ความสามารถในซ่อมแซมจักรยานของผมสรุปได้ง่ายๆ ว่ามีแค่ปรับอาน ใส่โซ่ที่หลุดออกมาเข้าที่ และปะยางที่แฟบแบนเป็นครั้งคราว แต่ความรักของผมที่มีต่อเจ้าเครื่องจักรกลมหัศจรรย์นี้ลึกซึ้งนัก

ผมรักตรงที่เมื่อคุณอยู่บนจักรยาน คุณเป็นทั้งผู้โดยสารและเครื่องยนต์ ผมรักที่มันมีประสิทธิภาพมากกว่าการเดินถึงห้าเท่าเมื่อคุณเปรียบเทียบพลังงานที่ใช้ไปในการเดินทางแต่ละกิโลเมตร มันเป็นความสนุกของผู้ใหญ่ที่ทั้งดี ทั้งสะอาด และเชื่อมโยงผู้ใช้กับแผ่นดิน อากาศ และสภาพอากาศ

ผมรักที่การขี่จักรยานดีต่อทั้งร่างกายของผมและต่อสิ่งแวดล้อม รถยนต์ไม่เพียงแต่เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้โลกร้อนเท่านั้น ร้อยละ 75 ของก๊าซคาร์บอนมอนนอกไซด์ที่เป็นมลพิษ และร้อยละ 27 ของก๊าซเรือนกระจกในสหรัฐอเมริกา ปล่อยออกมาจากรถยนต์ ตามรายงานของหน่วยงานพิทักษ์สิ่งแวดล้อม (Environment Protection Agency) และกองทุนปกป้องสิ่งแวดล้อม (Environment Defense Fund) แต่ยังไม่ดีต่อสุขภาพของคุณด้วยเช่นกัน งานวิจัยชี้ให้เห็นถึงความเกี่ยวพันระหว่างการขับรถยนต์ไปทำงานกับระดับของความเครียด ความกังวล ความหดหู่อึดอัดใจ อาการเจ็บคอเจ็บหลัง และหัวใจวาย และไม่ว่าคุณจะอยู่ในรถยนต์ รถไฟ หรือรถประจำทาง เรารู้ว่าการนั่งมากเกินไปและการไม่ได้ออกกำลังกายบริหารหัวใจ (เช่น การขี่จักรยาน เป็นต้น) มากเพียงพอ มีผลทำให้อายุสั้นลง

ผมขอยุให้คุณทดลองขี่จักรยานเป็นวิธีการเดินทาง ยืมหรือเช่าจักรยานมาสักคันก่อน พร้อมกับอุปกรณ์ที่จำเป็น อย่างโซ่ล็อคหากคุณจะต้องไปจอดจักรยานทิ้งไว้ไม่ได้เฝ้า ไฟหน้าและไฟหลังหากคุณคิดว่าจะมีโอกาสต้องขี่จักรยานเมื่อค่ำมืดแล้ว ฯลฯ จากนั้นก็มาวางเส้นทางและมาดูว่าคุณจะใช้เวลาเดินทางเท่าใดกับรู้สึกอย่างไรเมื่อออกไปขี่จักรยานบนถนนร่วมกับรถยนต์ ตัวผมเองนั้นมีเส้นทางสามเส้นที่ผมใช้ขี่จักรยานไปทำงานเพื่อให้มีความหลากหลาย ซึ่งได้มาในช่วงสองสามเดือนแรกที่ขี่จักรยานไปที่นั่นเพื่อให้ได้ความเร็วและความปลอดภัยในการขี่มากที่สุด ผมใช้เวลาราว 45 นาทีขี่เส้นทาง 11 กิโลเมตรกว่าระหว่างบ้านกับที่ทำงาน ถึงแม้ว่าจะขี่ได้เร็วขึ้นเรื่อยๆ เมื่อแข้งขาผมเข้ารูปเข้าร่างมากขึ้น เปรียบเทียบเวลาที่ใช้ด้วยการขี่จักรยานนี้กับราว 35 นาทีที่ใช้ในการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า และเกือบ 30 นาทีหากใช้รถยนต์ซึ่งอาจมากกว่านี้ก็ได้ขึ้นอยู่กับสภาพการจราจรบนถนน ยิ่งพวกเราขี่จักรยานไปทำงานกันมากขึ้นเท่าใด เมืองของเราก็จะยิ่งสร้างถนนที่เป็นมิตรกับจักรยานมากขึ้นเท่านั้น หากมีห้องออกกำลังกายที่ที่ทำงานให้ผมทิ้งเสื้อผ้าที่เปียกเหงื่อไว้ได้ ก็ถือได้ว่าเป็นเอกสิทธิ์ทีเดียวในฤดูร้อน แต่อย่าให้ปัญหาง่ายๆ เช่นการไม่มีบริการซักผ้า มาเป็นเหตุผลที่ไม่เข้าร่วมการปฏิวัติครั้งนี้ สหายผู้ใช้จักรยานทั้งหลาย

ถ้าคุณพักอาศัยอยู่ไกลจากที่ทำงานมากเกินไป บางทีคุณอาจใช้จักรยานเดินทางสักท่อนเดียวไปเชื่อมต่อกับระบบขนส่งมวลชนสาธารณะ หรือขี่จักรยานก่อนไปทำงาน หรือสร้างกิจวัตรใหม่ในการขี่จักรยานตอนเช้าตรู่วันหยุด มีรายการซื้อของหรือสถานที่ที่คุณไปในวันสุดสัปดาห์อยู่บ้างไหมที่คุณสามารถไปถึงได้บนสองล้อแทนที่จะเป็นสี่ล้อ ไม่มีเหตุผลใดเลยที่คุณจะปฏิเสธตัวเองไม่ให้ใช้วิธีการเดินทางด้วยจักรยานที่สนุกสนาน ดีต่อสุขภาพของคุณ ดีต่อสิ่งแวดล้อม และดีต่อกระเป๋าของคุณคือไม่แพง นี้เลย

ล้อศักดิ์สิทธิ์

ผลประโยชน์ข้างเคียงจากการเดินทางด้วยจักรยานที่ผมโปรดปรานคือ การขี่จักรยานบังคับให้ผมต้องมีสติ อยู่กับปัจจุบัน ตระหนักถึงสิ่งแวดล้อมรอบข้าง และกระทั่งสัมผัสกับความหมายที่ลึกซึ้งกว่าของชีวิต

“จักรยานสอนให้เราตระหนักว่าเมื่อใดเราทำงานมากเกินไปหรือลื่นไหลไปอย่างสบายแล้ว เมื่อสิ่งที่เราจำเป็นต้องทำทั้งหมดคือ ใช้ความพยายามเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย และเมื่อถึงเวลาที่จะต้องปรับเปลี่ยน นิค มัวร์ เขียนไว้ใน “ความคิดคำนึงสำหรับผู้ใช้จักรยาน: การหาความสมดุลบนสองล้อ” (Thoughts for Cyclists: Finding Balance on Two Wheels) หนังสือขนาดกระเป๋าที่ลึกซึ้งและอ่านแล้วชื่นใจและส่งเสริมให้เรารับกับสิ่งท้าทายในการขี่จักรยานด้วยความคิดวิธีการแบบเซ็น “เกียร์ของจักรยานยังเตือนเราว่า แค่มีมากกว่าไม่จำเป็นว่าต้องทำให้สิ่งต่างๆ ง่ายขึ้น เช่นเดียวกับสิ่งต่างๆ มากมายในชีวิต มันไม่ได้อยู่ที่คุณได้อะไรมา แต่อยู่ที่คุณใช้มันอย่างไร”

ล้อไม่ได้เป็นเพียงจุดเปลี่ยนที่ยิ่งใหญ่จุดหนึ่งในวิวัฒนาการของมนุษย์เท่านั้น แต่เป็นอุปมาอุปมัยที่ผูกพันเราทั้งหมดไว้ด้วยกัน ชีวิตของเราเป็นวงกลมที่เริ่มต้นและจบลงด้วยการดำรงอยู่ของเรา ปีทุกปีเป็นวงจรของฤดูกาลในเรื่องสภาพอากาศ การเกษตร และกีฬา นาฬิกา ดาวเคราะห์ เครื่องซักผ้า ความรุนแรง และธุรกิจต่างๆ เดินไปเป็นวงจร ประวัติศาสตร์ซ้ำตัวเอง แม้แต่โชคดีก็ยังหมุนไปบนวงล้อ

การขี่จักรยาน ถึงจะสนุกอย่างที่มันเป็นอยู่ก็ตาม ยังต้องการความตื่นตัว สติ และการมีชีวิตอยู่ในชั่วขณะที่เติมเต็มการปฏิบัติทางพุทธศาสนา มัวร์เขียนไว้ว่า “ดังเช่นในโยคะ การยึดมั่นเพ่งพิศไปข้างหน้าอย่างแน่วแน่หนักแน่นช่วยให้มีสมาธิ เพ่งตาไปที่จุดหนึ่งบนถนนที่ห่างออกไปข้างหน้าราวหนึ่งช่วงความยาวจักรยาน และสิ่งที่อยู่พ้นออกไปจะไม่ดำรงอยู่หรือสลักสำคัญ”

เหนื่อยสองต่อ?

ถ้ามีสองสิ่งที่คุณตระหนักถึงอย่างกระตือรือร้นในขณะที่ขี่จักรยาน สิ่งนั้นก็คือเนินเขาและสภาพอากาศที่เลวร้าย คนที่เดินทางด้วยจักรยานส่วนใหญ่ไม่ได้มองหาสองสิ่งนี้ ถึงแม้ว่าจะเป็นโอกาสให้ได้ออกกำลังกาย แสดงออกถึงความบากบั่นอุตสาหะ และความตระหนักอย่างตรึกตรอง มากขึ้น

“การมีสติกำหนดให้เราต้องมุ่งเน้นให้ชัดไปที่สิ่งหนึ่ง ปรกติแล้วคือการหายใจของเรา คิดให้มีความสุขแล้ว นี่เป็นหัวใจของการขี่จักรยานขึ้นเขา ดังนั้นการขี่ขึ้นเขาทุกครั้งสามารถกลายเป็นการทำสมาธิได้อย่างแท้จริง”

เนินเขายิ่งใหญ่เท่าใด เราก็ยิ่งได้มากเท่านั้น ประการแรก ร่างกายของคุณทำงานหนักขึ้นในขณะที่คุณพยายามขยายขอบฟ้าของคุณออกไป จากนั้นการออกแรงที่ทำไปจะได้รางวัลกลับมาเป็นสองเท่าด้วยทิวทัศน์ใหม่ หรือมุมมอง ที่ได้มาบนยอดเนินนั้น

การขี่ไหลลงเนินยิ่งต้องการความตระหนักตื่นตัวมากยิ่งขึ้นไปอีกในขณะที่คุณรำลึกถึงความกลัวและความสนุกของการเสี่ยงที่ได้คำนวณไว้แล้ว “การลงอย่างมีสติเป็นการก้าวข้ามธรณีประตูอันวิเศษจากการขี่จักรยานธรรมดาๆ บนถนนไปเป็นการอ่านถนนให้ออก” มัวร์เขียนไว้เช่นนั้น การไปเร็วๆ ต้องใช้เชาวน์ปัญญาและสติทั้งหมดของคุณ ทำให้ได้แม้กระทั่งการคาดการณ์ไปล่วงหน้าว่าอะไรจะเกิดขึ้น

มีการฝึกแบบเซ็นเกิดขึ้นเมื่อคุณยอมรับสิ่งที่ได้พบเจอ ไม่ว่าการขี่จักรยานของคุณจะพบกับอะไร – เนินเขา ลม(หรือที่บางทีเรียกกันเล่นๆว่า “เนินเขาล่องหน”) ฝน ความหนาวเย็น ความร้อนระอุ ไปจนถึงยางแบน

การขี่จักรยานในสภาพอากาศที่เลวร้ายก็ต้องการสมาธิและสิ่งที่ทำให้ผู้ขี่ปลอดภัยเพิ่มขึ้นเช่นกัน แต่สำหรับผมมันก็ให้ความสนุกสนานพิเศษอย่างหนึ่งที่ทำให้นึกถึงฤดูร้อนในวัยเด็กด้วย เมื่อผมทักทายเพื่อนที่ใช้จักรยานในการเดินทางด้วยกันท่ามกลางสายฝนที่หลั่งลงมา เราทั้งสองมักจะยิ้มกว้างให้กันทั้งคู่

อุณหภูมิ ไม่ว่าจะมากหรือน้อย ร้อนหรือเย็น ก็ไม่ใช่เหตุผลที่เราจะไม่ออกไปขี่จักรยานเช่นกัน เท่าแต่ต้องเตรียมอุปกรณ์และน้ำดื่มเพิ่มมากขึ้น “ไม่มีสิ่งที่เป็นสภาพอากาศอันเลวร้าย” อัลเฟรด เวนไรท์ ผู้ที่บุกเบิกหนังสือแนะนำการท่องเที่ยวชาวอังกฤษเคยกล่าวเอาไว้ “มีแต่เสื้อผ้าที่เอามาสวมใส่ไม่เหมาะสมกับสภาพอากาศนั้นต่างหาก”

แม้แต่ยางแบนซึ่งเป็นตัวถ่วงของการใช้จักรยานเดินทางในเมืองก็เป็นโอกาสที่จะเปลี่ยนความอึดอัดขัดข้องใจในชั่วขณะนั้นให้เป็นการยอมรับอย่างมีสำนึก มันยังเป็นบทเรียนในการแก้ปัญหาอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการซ่อมแซมหรือเพียงแค่หาทางกลับบ้าน เช้าวันหนึ่งเร็วๆ นี้เอง ผมเกิดหัวเสียขึ้นมาเพราะพบว่ายางแบนก่อนจะได้ทันออกจากบ้าน แต่ยาแก้พิษความขุ่นใจในวันนั้นก็คือการได้ขี่จักรยานสำรอง

ล้มเจ็ดหน ลุกแปดหน – ภาษิตญี่ปุ่น

ตอนที่เป็นเด็ก ผมตกจักรยานบ่อยเสียจนจำไม่ได้ว่ากี่ครั้ง ครั้งหนึ่งผมตีลังกาข้ามล้อหน้าไปเลยเมื่อขี่เข้าไปชนโซ่ที่แขวนกางห้อยไว้เพราะไม่เห็นมันเนื่องจากเป็นเวลาค่ำคืน อีกครั้งหนึ่ง ผมขี่หัวทิ่มตกลงมาจากผาสูง 10 ฟุตในสวนสาธารณะแห่งหนึ่งในเมือง หน้าอกกระแทกกับแฮนด์ เล่นเอาจุกแน่นหายใจไม่ออกไปนานพอที่ตาจะเริ่มมัวใกล้หมดสติ แต่ก็กลับมาหายใจได้อีกครั้ง

สมัยที่เรียนวิทยาลัย ครั้งหนึ่งผมล้มไปบนพื้นกรวด ได้แผลลึกยาวสักฟุตหนึ่งมาที่แขน และเมื่อเร็วๆนี้ ล้อจักรยานของผมลื่นไถลไปบนพื้นที่มีเมล็ดไซคามอร์ขนาดเท่าลูกกอล์ฟอยู่เกลื่อนกลาด ผมล้มเอาซี่โครงลงไปกระแทกพื้นเล่นเอาเจ็บแปรบไปหลายสัปดาห์กว่าจะหาย

ตอนที่เป็นเด็กผมเคยถูกรถชนสองครั้งขณะที่ขี่บีเอ็มเอ็กซ์ยอดรัก ไม่มีครั้งไหนรุนแรง สามสิบสามปีผ่านไปแล้วหลังจากที่ผมถูกชนอีกครั้งเมื่อมีรถกระบะมาเสยผมกับเจ้าบิอองคี่ คนขับปฏิเสธไม่ยอมรับว่าเขาผิด บอกด้วยว่าผมควรออกค่าซ่อมจักรยานเองและ “เก็บ(การที่ถูกชน)ไว้เป็นบทเรียนชีวิต”

ในความเห็นของผม เขาผิดในเรื่องที่ว่าความผิดเป็นของใคร แต่เขาพูดถูกเกี่ยวกับบทเรียนชีวิต ผมโชคดี (เขาก็เช่นกัน) ที่ผมไม่ได้บาดเจ็บร้ายแรง และผมเดินออกไปจากที่เกิดเหตุพร้อมกับตระหนักว่าได้บทเรียนใหม่ ผมจำเป็นต้องให้ความสนใจมากขึ้นเมื่อใช้ถนนร่วมกับรถยนต์ ซึ่งจำนวนมากอยู่ในการควบคุมของคนขับที่ไม่ได้ให้ความใส่ใจเต็มที่กับผู้ใช้ถนนร่วมกันคนอื่น มักลืมให้สัญญาณเวลาจะเลี้ยว หรือถูกเจ้าคอมพิวเตอร์เครื่องเล็กในมือหันเหความสนใจไปแทนที่ระวังมองคนใช้จักรยาน

“การให้ความสนใจเป็นความรู้สึกที่เป็นรากของการมีสติ” มัวร์เขียนเอาไว้ “การมุ่งเน้นไปที่ปัจจุบันขณะ ที่นี่และเดี๋ยวนี้ ซึ่งเป็นตะขอที่แขวนการฝึกเอาไว้ และไม่มีตอนไหนจะวิกฤตมากไปกว่าตอนที่คุณขี่จักรยานอยู่ท่ามกลางการจราจร ใช้ทั้งสายตา หู และสัญชาตญาณ

จักรยานเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ประเสริฐสุด – วิลเลียม สาโรยัน

เมื่อผมขับรถยนต์ ผมมักจะเคลื่อนไปเร็วกว่าจักรยาน แต่ผมก็ปิดตัวเองจากโลกด้วย ตัดตัวออกไปจากความสัมพันธ์กับสิ่งรอบข้าง “ในเมืองนั้นมีชีวิตจำนวนมากที่ไม่อาจรับรู้ได้ผ่านกระจกกันลม” แดเนียล เบอร์มาน เขียนไว้ใน The Man Who Loved Bicycles

ขนส่งสาธารณะมีความสะดวกสบายของมันเอง แต่ก็มีความล่าช้าในการให้บริการที่เราไม่ต้องการ และมักจะมีอารมณ์บูดเปรี้ยวของผู้โดยสารคนอื่นอยู่ด้วย เมื่ออยู่บนจักรยาน ผมไม่เคยบ่นด่าการจราจรที่เลวร้าย ไม่เคยพลาดรถไฟหรือติดบนขบวนไหน ไม่เคยจำเป็นต้องหยุดเติมน้ำมันหรือหัวเสียเรื่องที่จอดรถ “การเดินทางขนส่งรูปแบบอื่นเป็นฝันร้ายมากขึ้นทุกวัน” ไอริส เมอร์ด็อค นักเขียนนวนิยายและนักปรัชญา เขียนเอาไว้นานมาแล้วก่อนที่จะเกิดมีการจราจรติดขัดอย่างมโหฬารในเมืองส่วนใหญ่ “มีแต่จักรยานเท่านั้นที่ยังบริสุทธิ์อยู่ในหัวใจ”

เมื่อผมขี่จักรยาน ผมอยู่ตามลำพังคนเดียวกับความคิดของผม (หรือพอดคาสท์ หรือหนังสือเสียงที่ใช้ผ่านลำโพงบลูทูธ) แต่ผมก็ยังสัมผัสกับอุณหภูมิ ภูมิประเทศ และผู้คนที่อยู่รอบข้าง การใช้จักรยานคั่นแบ่งวันทำงานของผมให้มีเวลาที่เป็นการพักผ่อน หลุดพ้นไปจากอีเมลและสิ่งอื่นที่ต้องดูแลส่วนใหญ่ การเดินทางของผมเป็นการเชื่อมต่อผมกับต้นไม้ ดวงอาทิตย์ อากาศบริสุทธิ์ และความคิดของตัวผมเอง วันละสองครั้ง ครั้งละ 45 นาที

การขี่จักรยานทั้งหมดนี้ช่วยให้ผมเป็นคนที่ดีขึ้น “การขี่จักรยานฝึกสมองของผมเช่นเดียวกับร่างกาย ทำให้มันแข็งแกร่งขึ้นและยืดหยุ่นมากขึ้น” มัวร์เขียนไว้ “การเอาชนะเนินเขาทั้งหลาย สภาพอากาศอันเลวร้าย ปัญหาทางด้านกลไก การเผชิญกับรถยนต์อย่างกระชั้น ทำให้เราต้องดึงเอาความแข็งแกร่ง ความอดทน และความเก่งกล้า ที่มีเก็บสำรองไว้ออกมาใช้ เช่นเดียวกับที่การใช้กล้ามเนื้อของเราเกินศักยภาพทำให้มันแข็งแรงขึ้น การยืดเหยียดขยายการใช้ทรัพยากรทางจิตใจช่วยให้มันเติบโตขึ้นทั้งขนาดและพลังอำนาจ เป็นการฝึกที่จัดให้เราไปตลอดชีวิตด้วยตัวของมันเอง”

และสิ่งที่ผมรักมากที่สุดเกี่ยวกับการขี่จักรยานไปทำงานคือ การที่ชั้นเรียนออกกำลังกายและบทเรียนภูมิปัญญานี้สามารถที่จะสนุกสนานได้เพียงใด ความปลาบปลื้มยินดีของการได้ขี่ตรงฝ่าหรือแหวกอากาศผ่านแถบหนึ่งของป่านั้นใกล้กับการที่พวกเราส่วนใหญ่ได้บิน หรือลอยล่อง จากการที่พื้นที่ล้อเพียงไม่กี่ตารางมิลลิเมตรเท่านั้นที่สัมผัสกับพื้นดิน

“ก้าวพ้นเหนือธรรมชาติ” คือสิ่งที่มัวร์ใช้อธิบายการขี่จักรยานลงเขา “ความปิติสุขแท้ๆของความเร็วที่ได้มาอย่างอิสระและง่ายดายไม่ต้องใช้ความพยายามใดทั้งหมดนั้น เทียบได้ก็แต่เพียงอารมณ์ความรู้สึกที่เอร็ดอร่อยวาบหวามของการอยู่บนขอบของการควบคุมและสามัญสำนึก ซึ่งเข้ามาเกาะกุมเราในวัยเด็กและไม่เคยจากเราไปจริงๆ อีกเลย”

แปลจาก ZEN AND THE ART OF BICYCLING TO WORK, 30 July 2020

Heading

Print Friendly, PDF & Email
cita cita beli mobil tercapai jp sensasional mahjong wins jadi penyelamatkeuntungan strategis main mahjong ways 3 sambil ngopi nyantai tapi cuan maksimalgila banjir wild di mahjong ways cairkan pajero buat sales baru ga kepanasan lagiinspirasi menang mahjong untuk bayar kontrakan cicilan motor segala macammain mahjong saat jam istirahat kuli bangunan merasakan maxwin viral ditengah kotaslot gacorslot rtp gacorkaisar89