จะเปลี่ยนเมืองให้เป็นสวรรค์ของผู้ใช้จักรยานได้อย่างไร?

ในนิวยอร์กและอีกหลายเมืองที่เริ่มใช้มาตรการกำหนดราคาตามสภาพการจราจรคับคั่ง หรือ การเก็บค่ารถติด (congestion pricing) การสร้างทางจักรยาน และการห้ามรถยนต์เข้าบางพื้นที่ ทำให้ผู้จักรยานเริ่มรู้สึกว่าถนนปลอดภัยและน่าใช้มากขึ้น

วันที่ 5 มกราคมที่ผ่านมา การเก็บค่ารถติดในย่านมิดทาวน์ (Midtown) และแมนฮัตตันตอนล่าง (Lower Manhattan) ทำให้ปริมาณรถยนต์ลดลง คนเดินเท้าเพิ่มขึ้น ส่งผลดีต่อร้านค้า และทำให้คนใช้รถไฟใต้ดินมากขึ้น ช่วยลดอาชญากรรมในรถไฟ ค่าเฉลี่ยต่อรถยนต์อยู่ที่ 9 ดอลลาร์ รถบรรทุกช่วงเวลาเร่งด่วนสูงถึง 21.60 ดอลลาร์ ทำรายได้ให้เมืองกว่า 48.6 ล้านดอลลาร์ในเดือนแรก ซึ่งสูงกว่าที่คาดไว้

แม้ประธานาธิบดีทรัมป์พยายามสั่งยุติโครงการนี้ แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเชื่อว่าความพยายามนั้นไม่น่าจะสำเร็จ

นอกจากเรื่องการจราจรแล้ว สิ่งที่ได้รับผลดีจากมาตรการนี้มากที่สุดกลุ่มหนึ่งก็คือ “ผู้ใช้จักรยาน” ไม่ว่าจะเป็นคนที่ปั่นไปทำงาน คนส่งของ คนขี่เพื่อออกกำลังกาย หรือเพื่อนันทนาการ ถนนในแมนฮัตตันที่เคยอันตราย ตอนนี้กลายเป็นพื้นที่ที่เป็นมิตรกับจักรยานมากขึ้น

แอนนา เบอร์ลังกา (Anna Berlanga) นักเคลื่อนไหวจากกลุ่ม Transportation Alternatives เล่าว่า เมื่อไม่นานมานี้ ขณะที่ดูโซเชียล ฉันเห็นวิดีโอและโพสต์มากมายจากเพื่อนเก่า ทีมแข่งจักรยานในเซ็นทรัลพาร์ก (Central Park) และอินฟลูเอนเซอร์สายจักรยานในนิวยอร์ก ทุกคนพูดคล้ายกันว่า: ตั้งแต่มีการเก็บค่ารถติด การปั่นจักรยานในแมนฮัตตันสนุกขึ้น เครียดน้อยลง และง่ายกว่าที่เคยเป็น “เมื่อก่อนการปั่นในตัวเมืองต้องทำตัวแข็งกร้าว ก้าวร้าว” ตั้งแต่มี “การเก็บค่ารถติด” ฉันไม่ต้องแสดงท่าทีแบบนั้นอีกแล้ว แค่กระดิ่งจักรยานก็ดีพอ ซึ่งมันไม่เหมือนเมื่อก่อนเลย”

A cyclist in Kips Bay, New York City.Photograph: Noam Galai/Getty Images

ควินติน (Quentin) พนักงานส่งของด้วยจักรยานจากควีนส์ (Queens) เห็นด้วยกับเบอร์ลังกา โดยบอกว่าถนนในนิวยอร์กตอนนี้โล่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด“ถนนดูกว้างขึ้น รู้สึกมีที่ให้หายใจมากขึ้น ถึงจะมีบางครั้งที่ผมคิดถึงรถติด เพราะมันทำให้งานท้าทายดี” ถนนใน Midtown ดูกว้างโล่งมาก เห็นได้ชัดว่ารถลดลงเยอะ”

ไม่ใช่แค่พนักงานส่งของเท่านั้นที่รู้สึกแบบนี้ แม้ CitiBike แพลตฟอร์มจักรยานสาธารณะของเมืองยังไม่ได้เปิดเผยข้อมูลผู้ใช้เดือนมกราคม แต่ก็เห็นได้ว่ามีคนออกมาปั่นจักรยานมากกว่าปีก่อน ๆ อย่างชัดเจน

เคน พอดซิบา (Ken Podziba) ประธานและซีอีโอขององค์กรไม่แสวงหากำไร Bike New York กล่าวว่า “แม้ว่าฤดูหนาวปีนี้จะหนาวกว่าปกติ แต่เราก็ยังเห็นผู้คนปั่นจักรยานกันมากขึ้น ตั้งแต่เริ่มมีผลบังคับใช้การเก็บค่ารถติด แต่ความตื่นเต้นที่แท้จริงจะมาพร้อมกับอากาศที่อุ่นขึ้น เพราะเราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ คือ รถยนต์น้อยลงและจักรยานมากขึ้นบนท้องถนนในเมือง”

คำถามคือ แล้วนิวยอร์กจะกลายเป็นอัมสเตอร์ดัมหรือโคเปนเฮเกนได้ไหม?

ถ้าพูดถึงเมืองจักรยาน เมืองแรกที่คนจะนึกถึงคือ “อัมสเตอร์ดัม” ที่มีเส้นทางจักรยานหลายร้อยไมล์และประชากรส่วนใหญ่ใช้จักรยานเดินทางเป็นหลัก แต่น้อยคนจะรู้ว่าเมืองนี้ก็ไม่ได้เป็นแบบนี้มาแต่แรก ซึ้งก็ใช้ระยะเวลานานกว่าจะเป็นเมืองจักรยาน

เมืองอื่น ๆ ในยุโรปก็เดินหน้าเช่นกัน

• ปารีส เริ่มแผน Le Plan Vélo ตั้งแต่ปี 2015 ด้วยงบ 150 ล้านยูโร เพื่อเพิ่มเลนจักรยานเป็นสองเท่า ต่อมาในปี 2020 เพิ่มอีก 250 ล้านยูโร ขยายเลนอีก 180 กิโลเมตร และเพิ่มที่จอดจักรยานอีก 130,000 แห่ง ตอนนี้จำนวนผู้ใช้จักรยานแซงหน้าผู้ใช้รถยนต์แล้ว
• ออสโล เมืองหลวงของนอร์เวย์ มียอดผู้ปั่นจักรยานเพิ่มขึ้นกว่า 80% ตั้งแต่ปี 2015 โดยหนึ่งในมาตรการสำคัญคือการห้ามใช้รถยนต์ที่ใช้น้ำมันในเขตใจกลางเมืองตั้งแต่ปี 2019 ทำให้ถนนในเมืองเงียบและปลอดภัยมากขึ้น

Cyclists in Copenhagen, Denmark. Photograph: Jörg Carstensen/Getty Images

แล้วนิวยอร์กจะเป็นเมืองที่เป็นมิตรกับคนใช้จักรยานได้ไหม…..

โจดี้ โรเซน (Jody Rosen) เป็นนักข่าวที่ตีพิมพ์ Two Wheels Good ได้สำรวจเมืองต่างๆ ทั่วโลก โรเซนบอกว่า นิวยอร์กยังห่างไกลเป้าหมาย หาก “นิวยอร์กต้องการเดินตามรอยเมืองในยุโรป จำเป็นต้องละทิ้งวัฒนธรรมรถยนต์ที่ฝังรากลึกของชาวอเมริกัน

“คนมักคิดว่านิวยอร์กเป็นเหมือนเมืองยุโรป แต่ความจริงคือนิวยอร์กเป็นอเมริกันสุดๆ และเป็นส่วนหนึ่งของประเทศที่คลั่งไคล้รถยนต์ การจะให้ประเทศนี้เลิกพึ่งพารถยนต์เป็นเรื่องยากมากๆ วัฒนธรรมรถยนต์ฝังรากลึกในนิวยอร์กอย่างแน่นหนา”

โรเซนชี้ให้เห็นว่าความตั้งใจทางการเมือง การเคลื่อนไหว และการรับรู้ว่าผังเมืองยังไม่พร้อมสำหรับจักรยาน แม้มีจำนวนจักรยานและผู้ใช้จักรยานมากขึ้น แต่ก็ยังไม่เพียงพอ โรเซน ซึ่งเป็นคนนิวยอร์กโดยกำเนิด บอกว่าเขามองเห็นคนใช้จักรยานในนิวยอร์กมากขึ้นกว่าที่เคยเห็นมาในอดีต “ปัจจุบันคนนิวยอร์กปั่นจักรยานกันมากกว่าเมื่อ 20 ปีก่อน และยิ่งถ้าย้อนไป 40 ปีก่อน ก็ยิ่งต่างกันมาก แต่เรายังมีหนทางอีกยาวไกล”

โรเซน ยังตั้งข้อสังเกตว่า “องค์ประกอบหนึ่งที่เมืองต่างๆ ในยุโรปให้ความสำคัญก็คือการทำให้การขับรถในใจกลางเมืองเป็นเรื่องยาก” เช่น ลดพื้นที่จอดรถ คิดค่าบริการแพงขึ้น หรือในออสโลห้ามใช้รถเกือบทั้งหมด การทำเช่นนี้จะช่วยเปิดทางให้คนใช้ปั่นจักรยานมากขึ้น ซึ่งการเก็บค่ารถติดที่เกิดขึ้นในนิวยอร์ก อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงในเส้นทางจักรยานของนิวยอร์ก เมื่ออากาศดีขึ้น คนจะปั่นจักรยานบนถนนมากขึ้นและรถยนต์ก็จะน้อยลง นิวยอร์กอาจกลายเป็นแบบเมืองในยุโรป เช่น อัมสเตอร์ดัม โคเปนเฮเกน ปารีส หรือออสโล ในอนาคต

แปลและเรียบเรียงเนื้อหาบางส่วนจาก: https://www.wired.com/story/new-york-city-congestion-pricing-urban-design-biketopia/

Print Friendly, PDF & Email
cita cita beli mobil tercapai jp sensasional mahjong wins jadi penyelamatkeuntungan strategis main mahjong ways 3 sambil ngopi nyantai tapi cuan maksimalgila banjir wild di mahjong ways cairkan pajero buat sales baru ga kepanasan lagiinspirasi menang mahjong untuk bayar kontrakan cicilan motor segala macammain mahjong saat jam istirahat kuli bangunan merasakan maxwin viral ditengah kotaslot gacorslot rtp gacorkaisar89