Home สิ่งที่เราทำ ผลักดันระดับประเทศ ขอบคุณ กทม. ที่ช่วยให้เราได้ลดโลกร้อน และตอบโจทย์ SDGs

ปัญหาโลกร้อนเกิดจากการที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกสู่บรรยากาศในปริมาณที่เกินกว่าโลกจะดูดซึมไว้ได้ ก๊าซเรือนกระจกนี้เชื่อกันว่าร้อยละ 50 มาจากภาคการเดินทางและขนส่ง ดังนั้น หากเราลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการเดินทางและขนส่งได้ เราก็จะสามารถช่วยโลกไม่ให้ร้อนได้ การเดินทางขนส่งในอดีตเราใช้วิธีการเดินหรือใช้ช้าง ม้า ลา ล่อ เป็นพาหนะในการขนส่ง จึงไม่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเหมือนในปัจจุบัน แต่เทคโนโลยีในยุคนี้ทำให้เราหันมาใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน เช่น รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ เครื่องบิน เรือยนต์ มาเป็นพาหนะในการเดินทาง ซึ่งยานพาหนะเหล่านี้ล้วนเป็นตัวการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งสิ้น

โลกได้ตระหนักรู้แล้วว่า โลกต้องร่วมกันหามาตรการแก้ไขปัญหานี้โดยไม่สนใจว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐจะพูดหรือมีนโยบายอย่างไร และหนึ่งในมาตรการนั้นคือระบบที่โลกเรียกว่า “การสัญจรอย่างยั่งยืน” หรือ Sustainable Mobility (SM) ซึ่งก็คือ การเดินและการจักรยานในวิถีชีวิตประจำวันของพลเมืองโลก ถึงขนาดที่โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติได้ออกแถลงการณ์ให้ทุกประเทศทั่วโลกใช้งบประมาณอย่างน้อยร้อยละ 20 ของงบประมาณการก่อสร้างถนน มาสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่อำนวยความสะดวกและปลอดภัยแก่การเดินและการใช้จักรยาน (UN Environment, 2016; ชมรมจักรยานเพื่อสุขภาพแห่งประเทศไทย, 2016)

วิธีการหนึ่งที่จะทำให้การเดินและการใช้จักรยานของประชาชนคนทั่วไปทำได้อย่างปลอดภัย ซึ่งจะชักจูงให้คนหันมาเดินและใช้จักรยานมากขึ้น คือ การกำหนดให้อัตราการเร็วของรถต่างๆบนถนนที่เป็นเขตที่พักอาศัยหรือเขตพาณิชย์ของชุมชน ไว้ไม่เกิน 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพราะหากเกินกว่านั้นอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถชนคนเดินหรือขี่จักรยานจะสูงขึ้นอย่างมากอย่างน่าตกใจ (รูปที่ 1) จากรายงานวิจัยของ Rosén และ Sander (2009) พบว่าหากโดนรถชนด้วยอัตราเร็ว 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะมีโอกาสเสียชีวิตอยู่ที่ร้อยละ 10 ในขณะที่ถ้าความเร็วเพิ่มขึ้นเป็น 45 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โอกาสเสียชีวิตจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 40 และหากโดนชนที่ความเร็ว 75 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คนที่โดนชนจะไม่มีโอกาสรอดชีวิตเลย ข้อมูลนี้เป็นสิ่งที่องค์การอนามัยโลกได้ใช้ในการรณรงค์ให้ทุกประเทศทั่วโลกหันมาสร้างความปลอดภัยให้แก่ประชาชนคนเดินเท้าและคนขี่จักรยานโดยเฉพาะในกรณีที่ใช้งานเป็นวิถีชีวิตประจำวัน

รูปที่ 1 องค์กรอนามัยโลก (WHO) กำหนดอัตราเร็วของรถยนต์ไว้ไม่เกิน 30 กม./ชม. เพื่อความปลอดภัย

ที่มา: World Health Organization (2004) ดัดแปลงจาก Pasanen (1992)

อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยยังมีความไม่เข้าใจในประเด็นนี้นัก ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน คือ กรุงเทพมหานครยังคงกำหนดอัตราเร็วของรถยนต์หรือพาหนะอื่น ไม่ว่าจะเป็นมอเตอร์ไซค์ หรือรถตุ๊กตุ๊ก ไว้ที่ไม่เกิน 45 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในบางถนนบางพื้นที่ ทั้งที่ถนนนั้นพื้นที่นั้นเป็นพื้นที่เขตค้าขายของชุมชนที่มีคนเดินข้ามถนนไปมาตลอดเวลา (รูปที่ 2) หรือเป็นพื้นที่ชุมชนที่อยู่อาศัยที่มีแม้กระทั่งโรงเรียนเด็กเล็กอยู่ในบริเวณ (รูปที่ 3) เราได้สอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการของสำนักการจราจรและขนส่งของกรุงเทพมหานคร ได้ความว่า การกำหนดอัตราเร็วนั้นกทม.ใช้หลักทางวิศวกรรม คือ ความกว้างของถนนเป็นเกณฑ์ ซึ่งหากกว้างมากพอก็จะกำหนดอัตราเร็วของยานพาหนะไว้สูงขึ้นตามไปด้วย

รูปที่ 2 ตัวอย่างป้ายอัตราเร็ว 45 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเขตพาณิชย์ของชุมชน (ซอยอารี ถนนพหลโยธิน)

รูปที่ 3 ตัวอย่างป้ายอัตราเร็ว 45 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเขตที่พักอาศัยที่มีโรงเรียนเด็กเล็กอยู่ด้วย

(ซอยราชครู พหลโยธิน)

เราขออนุญาตที่จะไม่เห็นด้วยกับวิธีคิดและหลักเกณฑ์ที่ว่านี้ และได้ทักท้วงไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกรุงเทพมหานคร ซึ่งต้องขอบคุณกรุงเทพมหานครเป็นอย่างมากที่เข้าใจในประเด็นความปลอดภัยนี้ได้อย่างรวดเร็วและได้ทำการเปลี่ยนป้ายกำหนดอัตราเร็วของรถยนต์ใหม่ จาก 45 เป็น 30 กิโลเมตร/ชั่วโมง แทบจะทันที (รูปที่ 4  และ 5)  ตามคำแนะนำขององค์กรอนามัยโลก แต่ถ้าจะให้ดีไปกว่านั้นเราเห็นว่า กรุงเทพมหานครก็ควรไม่กำหนดอัตราเร็วของยานพาหนะโดยอิงเกณฑ์ทางวิศวกรรม(ความกว้างของถนน)แต่เพียงอย่างเดียว แต่ควรต้องเอาบริบททางการใช้ประโยชน์พื้นที่ของสังคมบริเวณนั้นมาประกอบการกำหนดอัตราเร็วที่ว่านี้ด้วย โดยอาจต้องยกระดับเกณฑ์ทางสังคมนี้ไปถึงการกำหนดเป็นเกณฑ์ภาคบังคับเสียด้วยซ้ำ และเมื่อประกาศอัตราเร็วของรถยนต์ให้เกิดความปลอดภัยแล้ว คราวนี้ก็ต้องเป็นภารกิจและความรับผิดชอบของตำรวจจราจรที่ต้องบังคับใช้กฎหมายนี้อย่างจริงจังและเป็นรูปธรรม การส่งเสริมให้การเดินและการจักรยานจึงจะเกิดขึ้นได้จริง

นอกจากการสัญจรอย่างยั่งยืน (SM) ที่เป็นกระแสโลกแล้ว องค์การสหประชาชาติยังได้กำหนดเป้าหมายของการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ Sustainable Development Goals (SDGs) ขึ้นมาอีกด้วย โดยประเทศไทยได้ลงนามรับรองที่จะนำเป้าหมายนี้ไปเป็นเป้าหมายของประเทศด้วยเช่นกัน ซึ่งนายกรัฐมนตรี นายประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ได้ออกมากำหนดเป็นนโยบายรัฐ รวมทั้งสั่งการให้หน่วยงานทุกแห่งรับนำไปวางแผนจัดทำโครงการหรือแผนงานที่จะตอบโจทย์ SDGs นี้ และเชื่อหรือไม่ว่าการเดินและการจักรยานสามารถเป็นคำตอบที่มุ่งสู่ SDGs นี้ได้อย่างที่ประชาชนทุกคนมีส่วนร่วมได้อย่างง่ายๆ รายละเอียดว่าเป็นคำตอบต่อ SDGs ได้อย่างไร ดูได้ที่ (ธงชัย พรรณสวัสดิ์, 2016)

รูปที่ 4 ป้ายอัตราเร็วในพื้นที่เขตค้าขายของชุมชนที่กรุงเทพมหานครกำหนดใหม่เป็น 30 กิโลเมตร/ชั่วโมง (ซอยอารี ถ.พหลโยธิน)

รูปที่ 5 ป้ายอัตราเร็วในในเขตที่พักอาศัยที่มีโรงเรียนเด็กเล็กอยู่ด้วย ที่กรุงเทพมหานครกำหนดใหม่เป็น 30 กิโลเมตร/ชั่วโมง (ซอยราชครู ถ.พหลโยธิน)

          สิ่งที่น่าดีใจไม่ใช่การที่กรุงเทพมหานครปรับเปลี่ยนป้ายจราจรตามที่เราร้องขอ แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือ หากภาคส่วนราชการท้องถิ่นอันหมายรวมไปถึงเทศบาลอื่นๆทั่วประเทศ เข้าใจในความสำคัญนี้ และปรับกระบวนทัศน์ให้ถูกต้องและตรงตามกระแสการสัญจรอย่างยั่งยืน(SM)ของโลก นั่นหมายความว่าสังคมจะมีความปลอดภัยมากขึ้นและจะมีประชาชนหันมาเดินทางในระยะทางสั้นๆด้วยการเดินและการใช้จักรยานในชีวิตประจำวันมากขึ้น การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจะลดลง และโลกก็จะร้อนน้อยลงด้วยมือ (และขา) ของเราทุกคน

ขอขอบคุณกรุงเทพมหานครอีกครั้งด้วยความจริงใจ

เอกสารอ้างอิง

  1. UN Environment (2016). Global Outlook on Walking and Cycling 2016. UN Environment, Nairobi. Available at http://www.unep.org/transport/sharetheroad/PDF/globalOutlookOnWalkingAndCycling.pdf
  2. World Health Organization (2004). Road Safety –Speed. Available at http://www.who.int/violence_injury_prevention/publications/road_traffic/world_report/speed_en.pdf
  3. ชมรมจักรยานเพื่อสุขภาพแห่งประเทศไทย (2016). สหประชาชาติเรียกร้องให้จัดงบประมาณคมนาคมขนส่งอย่างน้อยร้อยละ 20 ให้กับการเดินและการใช้จักรยาน Available at http://www.thaicyclingclub.org/%e0%b8%9a%e0%b8%97%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%a1/%e0%b8%9a%e0%b8%97%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%97%e0%b8%b1%e0%b9%88%e0%b8%a7%e0%b9%84%e0%b8%9b/2016/11/02/%e0%b8%aa%e0%b8%ab%e0%b8%9b%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%8a%e0%b8%b2%e0%b8%8a%e0%b8%b2%e0%b8%95%e0%b8%b4%e0%b9%80%e0%b8%a3%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b8%81%e0%b8%a3%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b9%83%e0%b8%ab/
  4. Rosén, E., & Sander, U. (2009). Pedestrian fatality risk as a function of car impact speed. Accident Analysis & Prevention, 41(3), 536-542. doi: http://dx.doi.org/10.1016/j.aap.2009.02.002
  5. ธงชัย พรรณสวัสดิ์ (2016). แล้ว SDG มันมาเกี่ยวอะไรกับเรื่องเดินเรื่องจักรยาน Available at

http://www.thaicyclingclub.org/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1/2016/12/13/%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%A7-sdgs-%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B1/

 

ดนยภรณ์ พรรณสวัสดิ์
มหาวิทยาลัยรามคำแหง

ธงชัย พรรณสวัสดิ์

สถาบันการเดินและการจักรยานไทย

กรรมการ World Cycling Alliance

Print Friendly, PDF & Email
dari narik angkot jadi investor semua berkat scatter mahjong ways 3penjual gorenagan sukses jp mahjong wins 2 modalnya buat bisnis naik 100x lipatmahjong deposit receh membantumenang mahjong kecipratan profitkang somay sepeda ini ganti jadi motor berkat maxwin mahjong wins rp 32 jutamodal konsisten jp mahjong ways 2black scatter jadi cepat mengalir mahjong wins 3 dengan deposit qris jadi kuncinyamaxwin mahjong wins asal sabarpromosi mahjong ways 2slot gacorslot rtp gacorkaisar89