แปลและเรียบเรียง โดยคุณศิลป์ ไวยรัชพานิช กรรมการสถาบันการเดินและการจักรยานไทย
World Bicycle Day recognizes “the uniqueness, longevity and versatility of the bicycle… a simple, affordable, reliable, clean and environmentally fit sustainable means of transport, fostering environmental stewardship and health.” UN General Assembly, 2018
วันจักรยานโลก จัดขึ้นเพื่อยกย่องความมีเอกลักษณ์พิเศษ, คุณูประการ, และการมีอยู่มาอย่างยาวนานของ “จักรยาน” … พาหนะที่เรียบง่าย ราคาเข้าถึงได้ น่าเชื่อถือ สะอาดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เป็นรูปแบบการเดินทางที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง และเป็นสิ่งที่ช่วยส่งเสริมการฟื้นฟูสภาพแวดล้อมและสุขภาพของผู้คน [1]
ทำไมเราต้องยกย่องจักรยานขนาดนั้น ? ทำไมเมืองกรุงของเราควรเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสนับสนุนการใช้จักรยานในเมือง ? จักรยานจะช่วยเมืองเราอะไรได้บ้าง ? เรามาชวนอ่านกัน

คนกรุงเทพฯ ยังมีความต้องการในการเดินทางอีกมาก แต่ด้วยข้อจำกัดในเรื่องของราคาค่าโดยสารขนส่งสาธารณะ [2] ด้วยความอันตรายของกายภาพถนนที่ไม่เอื้อต่อการเดินทางรูปแบบอื่นนอกเหนือจากการใช้รถ [3] ส่งผลให้มีผู้คนจำนวนหนึ่งไม่สามารถเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ ในเมืองตามความต้องการได้
การที่ไม่สามารถเข้าถึงสถานที่ต่าง ๆ เป็นการปิดโอกาส และยิ่งเป็นส่วนในการสร้างความเหลื่อมล้ำในสังคมให้กว้างขึ้นอีก
เมื่อผู้คนเดินทางไม่ได้ ก็ไม่เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ จะมีก็แต่ผู้ใช้รถเท่านั้นที่เป็นผู้จับจ่ายใช้สอย แต่ก็จะมีแค่ร้านค้าที่เป็นจุดหมายปลายทางในการเดินทางที่มีที่จอดรถเท่านั้น ร้านที่ระหว่างทางตายเรียบถ้าไม่ที่จอดรถริมทาง
การถูกบีบบังคับให้ต้องซื้อรถหรือรถจักรยานยนต์ ยิ่งเพิ่มหนี้สินในครัวเรือน และยิ่งจำนวนรถเพิ่มมากขึ้นก็ยิ่งเกิดการแก่งแย้งพื้นที่ถนนที่เป็นพื้นที่สาธารณะมากขึ้นทั้งในขณะเดินทางและขณะที่จอด และยิ่งเป็นการสร้างปัญหารถติดมากขึ้น ส่งผลให้เกิดมลพิษทางเสียงและทางอากาศมากขึ้น ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตของคนในเมืองให้แย่ลง โดยเฉพาะต่อผู้อื่นที่ไม่ได้ใช้รถยนต์
การที่เมืองแก้ปัญหารถติดด้วยการขยายถนนโดยนำพื้นที่เดินเท้าและพื้นที่สีเขียวมาสร้างเป็นทางเดินรถ ยิ่งเป็นการเร่งวงจรอุบาทว์ให้ปัญหาที่กล่าวมานี้ถลำลึกขึ้นไปอีก เพราะยิ่งเดินทางด้วยรถส่วนตัวสะดวกมากขึ้นเท่าไหร่ ผู้คนก็ยิ่งนำรถออกมาใช้มากขึ้นตาม จนผลสุดท้ายทำให้รถติดเหมือนเดิม (Induced Demand)
กรุงเทพมหานคร เมื่อ 60 กว่าปีที่แล้ว จักรยานเคยมีสถานะเป็นพาหนะที่ใช้ในการเดินทางในเมืองแต่หลังจากมีการถมคลองตัดถนนมากขึ้น ทำให้จักรยานเริ่มหายไปจากท้องถนน แต่ในปัจจุบันยังคงมีผู้ใช้จักรยานในชีวิตประจำวันไม่น้อยกว่าวันละ 4 แสนคน เดินทางเฉลี่ย 4-8 กิโลเมตรต่อวัน [4]
แล้วความมหัศจรรย์ของจักรยานจะเข้ามาช่วยเรื่องปัญหาเหล่านี้ได้อย่างไร ?
- ด้านการเข้าถึงสถานที่ต่าง ๆ ในเมือง : จักรยานมีราคาถูกกว่ารถจักรยานยนต์มาก สามารถหาได้ทั่วไป ใช้งานง่าย ไม่มีค่าใช้จ่ายในการเดินทาง จะเปิดการเข้าถึงสถานที่ได้มากขึ้นในระยะทางรัศมี 2-4 km หรือยิ่งไกลกว่านั้นถ้าหากมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ปลอดภัย และเอื้อต่อผู้ใช้จักรยาน
- ด้านเศรษฐกิจ : เมื่อมีการเดินทาง ย่อมเกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ ผู้ใช้จักรยานมักจะจับจ่ายซื้อของในร้านค้าท้องถิ่นมากกว่า บ่อยกว่า และมักจะกลับมาซื้อร้านเดิมซ้ำ ๆ มากกว่าผู้ที่ใช้รถยนต์ แม้ว่าค่าใช้จ่ายโดยเฉลี่ยในแต่ละครั้งจะน้อยกว่าก็ตาม แต่การที่เข้าร้านบ่อยกว่า ทำให้โดยรวมแล้วผู้ใช้จักรยานใช้จ่ายมากกว่าผู้ใช้รถยนต์ ย่านที่มีการส่งเสริมพื้นที่เดินเท้าและจักรยาน เศรษฐกิจโดยรวมในย่านนั้นจะยิ่งเพิ่มสูงขึ้น [3][5] เราคงไม่อยากให้เศรษฐกิจไปกระจุกตัวอยู่แต่กับผู้ค้ารายใหญ่เท่านั้น แต่ควรกระจายไปยังผู้ประกอบการรายย่อยที่อยู่ตามท้องถิ่นมากกว่า
- ด้านสิ่งแวดล้อม : การใช้จักรยานและการเดินเท้าเป็นรูปแบบการเดินทางที่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด กว่า 20% ของผู้ใช้รถยนต์ส่วนตัวเดินทางในเมืองระยะทางหน้อยกว่า 10 กิโลเมตรต่อวัน หรือน้อยกว่า 5 กิโลเมตรต่อเที่ยว [4] ซึ่งหากสามารถเปลี่ยนประชาชนกลุ่มนี้ให้มาใช้จักรยานแทนได้ จะสามารถลดปริมาณ PM2.5 ที่เกิดขึ้นจากรถยนต์ไปได้ถึง 3.3 ล้าน มิลลิกรัมต่อวัน และลดการใช้พื้นที่บนถนนได้ถึง 12 ตารางกิโลเมตรเลยทีเดียว ซึ่งพื้นที่นี้สามารถนำมาทำเป็นทางจักรยาน ทางคนเดิน สนามเด็กเล่น และพื้นที่สีเขียวเพิ่มเติมได้อีกด้วย
- ด้านสุขภาพกาย และจิตใจ : การเดินทางด้วยจักรยานในระยะทาง 2-4km เทียบเท่ากับการใช้เวลาออกกำลังกาย 15-30 นาที ซึ่งเท่ากับระยะเวลาที่องค์กรอนามัยโลกแนะนำให้ออกกำลังกายในทุก ๆ วัน การใช้จักรยานยังช่วยส่งเสริมปฏิสัมพันธ์ทางสังคมระหว่างผู้ใช้ถนนคนอื่น ๆ ช่วยฟื้นฟูสุขภาพจิต สุขภาพกาย และช่วยลดความเครียด คนที่ใช้จักรยานมีแนวโน้มที่จะมีความพึงพอใจในสิ่งต่าง ๆ รอบตัวมากกว่า [4] เครียดน้อยลง ผ่อนคลายมากขึ้น และรู้สึกมีอิสระมากขึ้นเมื่อเทียบกับคนที่เดินทางด้วยรถยนต์ โดยเฉพาะในกลุ่มเด็ก ๆ จักรยานช่วยให้พวกเขาเดินทางไปถึงจุดหมายได้ และยังทำให้เด็ก ๆ เหล่านั้นรู้สึกเป็นอิสระและสามารถพึ่งพาตัวเองได้อีกด้วย
- ด้านความเท่าเทียมทางสังคม : จักรยานเปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถเข้าถึงการเดินทางได้โดยไม่คำนึงถึงเชื้อชาติ อายุ รายได้ เพศ หรือความสามารถทางร่างกาย และยังส่งเสริมความครอบคลุมของคนทุกกลุ่มในสังคม (Social Inclusion) จักรยานช่วยเพิ่มปฏิสัมพันธ์ทางสังคม การใช้จักรยานเดินทางจำเป็นต้องมีการสื่อสารกับผู้ใช้ถนนคนอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นการพูดส่งเสียงหรือการแสดงออกทางสีหน้าท่าทางเพื่อบ่งบอกทิศทางที่จะไป เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะกัน ดังนั้นการใช้จักรยานจึงทำให้เกิดประสบการณ์การปฏิสัมพันธ์ทางสังคมด้วยเช่นกัน
- ด้านความปลอดภัย : การลดพื้นที่ทางเดินรถเพิ่มพื้นที่ให้ผู้ใช้จักรยานและคนเดินเท้า ทำให้ความเร็วจราจรลดลง ส่งผลให้จำนวนอุบัติเหตุทางถนนลดลงเกินกว่าครึ่งนึง เนื่องจากความเร็วขณะเคลื่อนที่และน้ำหนักยานพาหนะของรถยนต์และรถจักรยานยนต์มีความแตกต่างกับจักรยานหลายสิบเท่า ความเสียหายที่เกิดจากการเฉียวชนของรถยนต์และรถจักรยานยนต์จึงรุนแรงกว่าจักรยานหลายร้อยเท่า ยิ่งสามารถเปลี่ยนผู้ใช้รถยนต์หรือรถจักรยานยนต์มาเป็นผู้ใช้จักรยานได้มากเท่าไหร่ ยิ่งลดความสูญเสียที่เกิดจากอุบัติเหตุทางถนนได้มากเท่านั้น
- โดยสรุปแล้ว การส่งเสริมการเดินทางด้วยจักรยาน (ร่วมกับระบบขนส่งสาธารณะ) ในพื้นที่เขตเมือง เป็นทางออกของปัญหาของเมืองในหลาย ๆ มิติที่มีประสิทธิภาพสูง แล้วเพราะอะไรทำไมเมืองยังไม่รีบลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานทางจักรยานที่มีความปลอดภัยและสะดวกสบายกันอีกละ ?
อ้างอิง:
[1] UN General Assembly, 2018
[2] การทดลองยกเว้นค่าโดยสารขนส่งสาธารณะ, สนข., 2024
[3] PHC ย่านบำรุงเมือง, TWCI, 2024
[4] พฤติกรรมการเดินทางของคนกรุงเทพฯ, TWCI, 2024
[5] โครงการแผนแม่บทการสัญจรทางเลือก, สจส., 2024